Drug name: vancomycin

Description:

Vancomycin (แวนโคมัยซิน)

Vancomycin (แวนโคมัยซิน)

Share:

Vancomycin (แวนโคมัยซิน) เป็นยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาโรคติดเชื้อรุนแรงจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus Aureus) และใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้ยาหรือไม่ตอบสนองต่อยากลุ่มเพนิซิลลินและยาเซฟาโลสปอริน เช่น ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด โรคกระดูกติดเชื้อ โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง การติดเชื้อของผิวหนังและโครงสร้างผิวหนัง และเยื่อบุหัวใจอักเสบ นอกจากนี้ แพทย์อาจนำยา Vancomycin แบบฉีดมาใช้รูปแบบยารับประทาน โดยมักใช้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อคลอสไทรเดียม ดิฟิซายล์ (Clostridium Difficile) หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ตามดุลยพินิจของแพทย์

ยา Vancomycin มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

เกี่ยวกับยา Vancomycin

กลุ่มยา ยาปฏิชีวนะ
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
กลุ่มผู้ป่วย เด็กและผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาฉีด ยารับประทาน

คำเตือนในการใช้ยา Vancomycin

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยานี้ รวมถึงยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีปัญหาสุขภาพหรือมีประวัติการเจ็บป่วยใด ๆ เช่น โรคไต โรคลำไส้อักเสบ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ โรคโครห์น มีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน หรือกำลังใช้ยาปฏิชีวนะชนิดอื่น ๆ ในรูปแบบยาฉีด
  • ผู้สูงอายุที่ใช้ยานี้อาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตได้สูง
  • ห้ามให้นมบุตรระหว่างใช้ยานี้ เพราะตัวยาอาจซึมเข้าสู่น้ำนมมารดาและอาจเป็นอันตรายต่อทารกได้
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ วางแผนมีบุตร หรือเกิดการตั้งครรภ์ในระหว่างที่ใช้ยานี้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • หยุดใช้ยาและแจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินหรือมีเสียงดังในหู เพราะยานี้อาจทำให้สูญเสียการได้ยินชั่วคราวหรือถาวรได้
  • ระหว่างที่ใช้ยานี้ควรเข้ารับการตรวจการได้ยินเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยไม่ได้รับผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

ปริมาณการใช้ยา Vancomycin

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

รักษาการติดเชื้อสแตฟิโลค็อกคัสอย่างรุนแรงหรือการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกชนิดอื่น ๆ
ผู้ใหญ่ ค่อย ๆ ให้ยาปริมาณ 500 มิลลิกรัม ทางหลอดเลือดดำนานอย่างน้อย 60 นาที ทุก 6 ชั่วโมง หรือค่อย ๆ ให้ยาปริมาณ 1 กรัม ทางหลอดเลือดดำนานอย่างน้อย 100 นาที ทุก 12 ชั่วโมง
เด็ก อายุ 0-7 วัน ให้ยาปริมาณเริ่มต้น 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จากนั้นให้ยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 12 ชั่วโมง
อายุ 7-30 วัน ให้ยาปริมาณเริ่มต้น 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จากนั้นให้ยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 8 ชั่วโมง
อายุ 1 เดือน-12 ปี ให้ยาปริมาณ 40 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ยาวันละ 4 ครั้ง โดยค่อย ๆ ให้ยาทางหลอดเลือดดำนานอย่างน้อย 60 นาทีเช่นเดียวกับผู้ใหญ่
ผู้สูงอายุ ปรับปริมาณยาตามที่แพทย์สั่ง

ป้องกันเยื่อบุหัวใจอักเสบ
ผู้ใหญ่ ฉีดยาปริมาณ 1 กรัม ก่อนให้ยาระงับความรู้สึก และอาจฉีดยาปริมาณ 1 กรัม ทุก 12 ชั่วโมง หลังการผ่าตัด
ผู้สูงอายุ ปรับปริมาณยาตามที่แพทย์สั่ง

รักษาเยื่อบุหัวใจอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
ผู้ใหญ่ ฉีดยาปริมาณ 1 กรัม ทุก 12 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 4-6 สัปดาห์ โดยอาจใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะอื่น ๆ
ผู้สูงอายุ ปรับปริมาณยาตามที่แพทย์สั่ง

โรคติดเชื้อสแตฟิโลค็อกคัสในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 0.5-2 กรัม/วัน แบ่งรับประทาน 3-4 ครั้ง เป็นระยะเวลา 7-10 วัน
เด็ก รับประทานยาปริมาณ 40 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน แบ่งรับประทาน 3 หรือ 4 ครั้ง เป็นเวลา 7-10 วัน รับประทานยาปริมาณสูงสุดไม่เกิน 2 กรัม/วัน
ผู้สูงอายุ ปรับปริมาณยาตามที่แพทย์สั่ง

โรคติดเชื้อคลอสไทรเดียม ดิฟิซายล์ที่เกี่ยวกับอาการท้องเสียและโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 125 มิลลิกรัม 4 ครั้ง/วัน เป็นระยะเวลา 7-10 วัน
เด็ก รับประทานยาปริมาณ 40 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน แบ่งรับประทาน 3 หรือ 4 ครั้ง เป็นระยะเวลา 7-10 วัน รับประทานยาปริมาณสูงสุดไม่เกิน 2 กรัม/วัน
ผู้สูงอายุ ปรับปริมาณยาตามที่แพทย์สั่ง

การใช้ยา Vancomycin

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • ยารูปแบบรับประทานจะใช้รักษาโรคติดเชื้อบริเวณลำไส้เท่านั้น ไม่สามารถรักษาการติดเชื้อที่ส่วนอื่นของร่างกายได้
  • ก่อนรับประทานยาชนิดสารละลาย ให้เขย่าขวดก่อนวัดปริมาณยา และควรวัดปริมาณยาด้วยช้อนหรือถ้วยตวงสำหรับยาโดยเฉพาะ
  • หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนด ให้ใช้ยาได้ทันที แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป และไม่เพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • ในระหว่างที่ใช้ยาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดในเรื่องการจำกัดอาหาร เครื่องดื่ม และการทำกิจกรรมต่าง ๆ
  • การเพิ่มปริมาณการใช้ยาไม่ได้ช่วยให้ยามีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
  • ใช้ยานี้ให้ครบตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด แม้จะมีอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะหากหยุดใช้ยาเร็วเกินไปหรือขาดช่วงไป อาจเสี่ยงเกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้น หรือเกิดเชื้อดื้อยาได้
  • ระหว่างใช้ยานี้ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ หากใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
  • ควรเก็บยาชนิดแคปซูลไว้ที่อุณหภูมิ 15-30 องศาเซลเซียส และควรเก็บยาชนิดฉีดไว้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ให้พ้นจากแสงแดดและความชื้น

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Vancomycin 

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิต ควรไปปรึกษาแพทย์

ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและแจ้งให้แพทย์ทราบทันที หากมีอาการรุนแรงดังต่อไปนี้

  • อาการแพ้ยา เช่น ผื่น คัน ลมพิษ ใบหน้าบวม คอบวม ลิ้นบวม ริมฝีปากบวม และหายใจลำบาก
  • ท้องเสีย ถ่ายเหลว หรือถ่ายเป็นเลือด
  • เวียนศีรษะ
  • สูญเสียการได้ยิน หรือมีเสียงดังในหู
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บวม ปวดข้างลำตัว ปวดหลังส่วนล่าง ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะ
  • ภาวะโพแทสเซียมต่ำ ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ กระหายน้ำรุนแรง สับสน ปัสสาวะมาก รู้สึกไม่สบายขา รู้สึกชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง

นอกจากนี้ ผลข้างเคียงที่ควรระมัดระวังคือภาวะ Redman Syndrome มีสาเหตุมาจากการให้ยาทางหลอดเลือดดำเร็วเกินไป ซึ่งอาจทำให้มีอาการหายใจลำบาก ใจสั่น ความดันต่ำ มีผื่นแดงขึ้นบริเวณหน้าอก คอ หลัง และแขน มักเกิดขึ้นหลังจากได้รับยาประมาณ 15-45 นาที และจะหายไปหลังจากหยุดยาประมาณ 10-60 นาที หากมีอาการดังกล่าวหรือพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรรีบแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบ

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ :

  • Hemolytic Uremic Syndrome
  • การติดเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์ (Campylobacter Infection)
  • ติดเชื้อในกระแสเลือด