Drug name: chloroquine
Description: Chloroquine (คลอโรควิน) เป็นยารักษาและป้องกันโรคมาลาเรีย โดยจะออกฤทธิ์รักษาและป้องกันการติดเชื้อในเซลล์เม็ดเลือดแดงหลังจากถูกยุงกัด รักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้ออะมีบา และอาจนำมาใช้กับภาวะอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ อย่างไรก็ตาม ยานี้จะช่วยรักษาโรคมาลาเรียที่เกิดจากปรสิตบางชนิดเท่านั้น และอาจใช้ไม่ได้ผลหากอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เชื้อมาลาเรียดื้อต่อยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) ซึ่งเป็นยาที่มีลักษณะคล้ายกัน แม้ยา Chloroquine จะได้รับอนุญาตให้ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 (COVID-19) ในบางกรณี แต่ในปัจจุบันพบว่าตัวยาใช้ไม่ได้ผลในการรักษาและทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง จึงยุติการใช้ยา Chloroquine ในการรักษาโรคโควิด-19 (COVID-19) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยจึงไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยเด็ดขาด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้ ตัวอย่างการใช้ยา Chloroquine เพื่อป้องกันโรคมาลาเรีย เด็ก รับประทานยาปริมาณ 5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 1 ครั้ง/สัปดาห์ โดยให้รับประทานในวันเดิมของแต่ละสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง และควรรับประทานก่อนเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงต่อโรคมาลาเรีย 1 สัปดาห์ และหลังออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้วให้รับประทานยาต่อเนื่องอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 300 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/สัปดาห์ โดยให้รับประทานในวันเดิมของแต่ละสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง และควรรับประทานก่อนเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงต่อโรคมาลาเรีย 1 สัปดาห์ และหลังออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้วให้รับประทานยาต่อเนื่องอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ตัวอย่างการใช้ยา Chloroquine เพื่อรักษาโรคมาลาเรียฉับพลัน เด็ก วันแรกให้เริ่มรับประทานยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยมีปริมาณสูงสุดไม่เกิน 600 มิลลิกรัม หลังจากยามื้อแรก 6 ชั่วโมง ให้รับประทานยาอีกครั้งในปริมาณ 5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 300 มิลลิกรัม ส่วนวันที่ 2 และ 3 ให้รับประทานยาปริมาณ 5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 1 ครั้ง/วัน ผู้ใหญ่ วันแรกให้เริ่มรับประทานยาปริมาณ 600 มิลลิกรัม และหลังจากยามื้อแรก 6–8 ชั่วโมง ให้รับประทานยาอีกครั้งในปริมาณ 300 มิลลิกรัม ส่วนวันที่ 2 และ 3 ให้รับประทานยาปริมาณ 300 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/วัน ตัวอย่างการใช้ยา Chloroquine เพื่อรักษาติดเชื้อที่เกิดจากอะมีบาในตับ เด็ก รับประทานยาปริมาณ 6 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 300 มิลลิกรัม/วัน ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 600 มิลลิกรัม/วัน ติดต่อกัน 2 วัน จากนั้นให้รับประทานยาปริมาณ 300 มิลลิกรัม/วัน ร่วมกับยาอีเมติน (Emetine) หรือยาดีไฮโดรเมทีน (Dehydroemetine) เป็นระยะเวลานาน 2–3 สัปดาห์ ตัวอย่างการใช้ยา Chloroquine เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เด็ก รับประทานยาได้สูงสุด 3 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน หากอาการของผู้ป่วยไม่ดีขึ้นภายใน 6 เดือน ควรหยุดใช้ยา ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 150 มิลลิกรัม/วัน โดยปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 2.5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน หากอาการของผู้ป่วยไม่ดีขึ้นภายใน 6 เดือน ควรหยุดใช้ยา ตัวอย่างการใช้ยา Chloroquine เพื่อรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองชนิด SLE และ DLE เด็ก รับประทานยาปริมาณ 3 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ผู้ใหญ่ เริ่มรับประทานยาปริมาณ 150 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/วัน หากตอบสนองต่อยาได้ดีค่อยให้ลดปริมาณการใช้ยาลงมาทีละนิด โดยปริมาณยาสูงสุดไม่ควรเกิน 2.5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน วิธีการใช้ยาเพื่อความปลอดภัย มีดังนี้ ยา Chloroquine อาจก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดเกร็งหน้าท้อง ปวดศีรษะ มีพฤติกรรมหรืออารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ ผมร่วง และสีผมหรือสีผิวเปลี่ยนไปจากเดิม แต่หากผู้ป่วยใช้ยาแล้วมีอาการแย่ลง เกิดอาการรุนแรง หรือมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายอาจไม่พบผลข้างเคียงดังกล่าวหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากพบผลข้างเคียงหรือความผิดปกติอื่นนอกเหนือจากนี้ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็ว ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ :Chloroquine (คลอโรควิน)
เกี่ยวกับยา Chloroquine
กลุ่มยา
ยาต้านมาลาเรีย
ประเภทยา
ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ
รักษาและป้องกันโรคมาลาเรีย รักษาการติดเชื้ออะมีบา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเองชนิด SLE และ DLE
กลุ่มผู้ป่วย
เด็ก ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา
ยารับประทาน
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร
ยังไม่มีการระบุหมวดหมู่สำหรับการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา เพราะยังไม่มีการศึกษาในมนุษย์มากพอที่จะบอกได้ว่ายานี้เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ จึงควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่ามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ สำหรับผู้ที่ต้องให้นมบุตรไม่ควรใช้ยานี้เพราะตัวยาสามารถส่งผ่านทางน้ำนมไปสู่ทารก
คำเตือนในการใช้ยา Chloroquine
ปริมาณการใช้ยา Chloroquine
ป้องกันโรคมาลาเรีย
รักษาโรคมาลาเรียฉับพลัน
รักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจากอะมีบาในตับ
รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
รักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองชนิด SLE และ DLE
การใช้ยา Chloroquine
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Chloroquine