Drug name: เทอริพาราไทด์-teriparatide
Description: Teriparatide (เทอริพาราไทด์) เป็นยารักษาผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ซึ่งเป็นโรคที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ง่าย ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีสาเหตุมาจากการใช้ยาสเตียรอยด์ ผู้ป่วยผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงวัยทอง และผู้ป่วยผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ ยา Teriparatide จะทำงานคล้ายกับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ของร่างกาย โดยช่วยเพิ่มมวลกระดูกเพื่อให้กระดูกแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา Teriparatide ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้ ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนที่มีสาเหตุมาจากการใช้ยาสเตียรอยด์ ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ และวัยทอง แพทย์จะให้ใช้ยา Teriparatide เป็นปริมาณ 20 ไมโครกรัม วันละ 1 ครั้ง โดยฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังบริเวณต้นขาหรือหน้าท้อง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 24 เดือน อย่างไรก็ตาม ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยปกติแล้ว แพทย์มักให้ผู้ป่วยใช้ยานี้ในกรณีที่ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักสูง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น ยา Teriparatide เป็นยาฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังในรูปแบบปากกาที่ต้องฉีดทุกวัน โดยบุคลากรทางการแพทย์จะเป็นผู้สอนวิธีฉีดยาให้ผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และห้ามหยุดใช้ยาเอง เนื่องจากการใช้ยานี้ให้เห็นผลต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา ก่อนใช้ยาให้ตรวจสภาพยาก่อน โดยให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ดูขุ่น มีสีเปลี่ยนไป หรือมีเศษต่าง ๆ อยู่ในยา และผู้ป่วยควรใช้อุปกรณ์ที่แพทย์ให้มาเท่านั้น เพื่อการกำหนดปริมาณยาที่แม่นยำ นอกจากนี้ ควรจัดหาสถานที่ที่สามารถนั่งพักหรือเอนตัวนอนได้ เพราะยานี้อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมได้ ในระหว่างที่ใช้ยานี้ แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาตรวจร่างกายเป็นระยะ เพื่อติดตามอาการและการตอบสนองต่อยา และอาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานแคลเซียมและวิตามินดีให้เพียงพอ ร่วมกับการออกกำลังกาย ในกรณีที่ลืมฉีดยา ให้ผู้ป่วยฉีดยาทันทีที่นึกได้ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า และรีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันที สำหรับการเก็บรักษายาควรเก็บยาไว้ในตู้เย็นในช่องปกติ และไม่ควรใช้ยาที่เปิดไว้แล้วเกิน 28 วัน ก่อนใช้ยา Teriparatide ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากกำลังใช้ยาสเตียรอยด์ ยาวาฟาริน (Warfarin) ยาดิจิทาลิส (Digitalis) และยาไดจอกซิน (Digoxin) นอกจากนี้ ยังมียาอื่น ๆ ที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Teriparatide หากผู้ป่วยกำลังใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ และยารักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ อยู่ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน เนื่องจากยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางชนิดอาจส่งผลต่อกระบวนการทำงานของยาได้ การใช้ยา Teriparatide อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเวียนศีรษะ และหัวใจเต้นเร็วภายใน 4 ชั่วโมงหลังจากได้รับยา โดยอาการอาจเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายชั่วโมง ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละคน สำหรับผู้ป่วยที่พบอาการเวียนศีรษะและหัวใจเต้นเร็วหลังจากฉีดยา ให้ผู้ป่วยนั่งหรือนอนพัก และหลีกเลี่ยงการขยับตัวอย่างรวดเร็วจนกว่าอาการจะดีขึ้นก่อน และหากรู้สึกว่าอาการไม่ดีขึ้นหรือเริ่มรุนแรง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ แสบร้อนกลางอก เหงื่อออกมากผิดปกติ ไอ ระคายเคืองในลำคอ คัดจมูก ปวดแขน ขา ข้อต่อ หรือหลัง นอนไม่หลับ หรือเกิดอาการบวม ปวด คัน และฟกช้ำบริเวณที่ฉีดยา หากเกิดอาการเหล่านี้อยู่นานและไม่ดีขึ้น ให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและรีบไปพบแพทย์ทันที หากพบอาการผิดปกติที่มีความรุนแรง เช่น ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ :เทอริพาราไทด์ (Teriparatide)
เกี่ยวกับยา Teriparatide
กลุ่มยา
ยาที่ส่งผลต่อการทำงานของกระดูก (Agents Affecting Bone Metabolism)
ประเภทยา
ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ
เพิ่มมวลกระดูก
กลุ่มผู้ป่วย
ผู้ใหญ่เพศชาย
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร
Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนได้รับยา
รูปแบบของยา
ยาฉีดรูปแบบปากกา
คำเตือนในการใช้ยา Teriparatide
ปริมาณการใช้ยา Teriparatide
การใช้ยา Teriparatide
ปฏิกิริยาระหว่างยา Teriparatide กับยาอื่น
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Teriparatide