Drug name: ฟาวิพิราเวียร์
Description: Favipiravir (ฟาวิพิราเวียร์) หรือในอีกชื่อที่เรียกว่า T-705 เป็นยารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ในผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดอื่นแล้วไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่ดี และไวรัสกลุ่มอาร์เอ็นเอ (RNA Virus) หลายสายพันธุ์ อย่างไวรัสก่อโรคไข้ลัสสา (Lassa) หรือไข้เหลือง โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสภายในร่างกาย ทำให้ลดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นและป้องการติดเชื้อ นอกจากนี้ ยา Favipiravir ได้ถูกนำมาใช้ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส อย่างโรคอีโบลา (Ebola) และล่าสุดคือ โรคโควิด-19 (COVID-19) โดยในปัจจุบัน ประเทศไทยได้วางแผนการผลิตยาชนิดนี้ขึ้นเอง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัย พัฒนา และเฝ้าติดตามประสิทธิภาพของตัวยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นยารักษาสำรองสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในอนาคต เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้ ตัวอย่างการใช้ยา Favipiravir เพื่อรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 1,600 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ในวันที่ 1 จากนั้นให้รับประทานยาปริมาณ 600 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลานาน 4 วัน ตัวอย่างการใช้ยา Favipiravir เพื่อรักษาโรคโควิด-19 ผู้ใหญ่ วันแรกให้รับประทานยาปริมาณ 200 มิลลิกรัม จำนวน 8 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ในวันถัดไปให้รับประทานยาปริมาณ 200 มิลลิกรัม จำนวน 3 เม็ด วันละ 2 ครั้ง สำหรับผู้ป่วยที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) 35 กิโลกรัม/ พื้นที่ผิว 1 ตารางเมตรขึ้นไปให้รับประทานยาปริมาณ 60 มิลลิกรัม/ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง จากนั้นให้รับประทานยาปริมาณ 20 มิลลิกรัม/ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง ในวันถัดไป เด็ก วันแรกให้รับประทานยาปริมาณ 30 มิลลิกรัม/ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 2 ครั้ง ในวันถัดไปให้รับประทานยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม/ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ แพทย์อาจใช้ยา Favipiravir ร่วมกับยาชนิดอื่น ๆ ในการรักษาโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยบางราย และอาจปรับปริมาณการใช้ยาให้เหมาะสมกับแต่ละคนตามดุลยพินิจของแพทย์ การใช้ยา Favipiravir โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคติดเชื้ออย่างโรคโควิด-19 ต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำสั่งจากแพทย์ ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในด้านต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด และควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้น แย่ลง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เกิดขึ้นหลังการใช้ยา ผู้ป่วยที่ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์อาจมีผลข้างเคียงต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น ระดับกรดยูริกในเลือดเพิ่มขึ้น ค่าเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิลลดลง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ หอบหืด เจ็บบริเวณคอหอย จมูกอักเสบ ค่าเอนไซม์ในตับเพิ่มขึ้น อย่างค่า AST และค่า ALT เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยา Favipiravir อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือความผิดปกติอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นได้ ผู้ป่วยควรหมั่นสังเกตอาการของตัวเองอยู่เสมอและแจ้งให้แพทย์ทราบทันที เพื่อรับการรักษาในแนวทางที่เหมาะสมฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir)
เกี่ยวกับยา Favipiravir
กลุ่มยา
ยาต้านไวรัส
ประเภทยา
ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ
รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ไวรัสกลุ่มอาร์เอ็นเอ และโรคโควิด-19
กลุ่มผู้ป่วย
ผู้ใหญ่ เด็ก
รูปแบบของยา
ยารับประทาน
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร
ปัจจุบันยาฟาวิพิราเวียร์ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ เนื่องจากมีงานวิจัยในสัตว์พบว่า ตัวยาส่งผลให้ตัวอ่อนในครรภ์สัตว์เสียชีวิต จึงอาจเป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารก และผู้ที่ต้องให้นมบุตรในขณะใช้ยานี้ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงของตัวยาต่อทารกก่อนให้นมบุตรเช่นกัน
คำเตือนในการใช้ยา Favipiravir
ปริมาณการใช้ยา Favipiravir
รักษาโรคไข้หวัดใหญ่
รักษาโรคโควิด-19
การใช้ยา Favipiravir
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Favipiravir