Drug name: ไกลคลาไซด์-gliclazide
Description: Gliclazide (ไกลคลาไซด์) เป็นยาที่แพทย์ใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โดยยาจะออกฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลินของตับอ่อน เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งผู้ป่วยต้องใช้ยาควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยา Gliclazide จะขึ้นอยู่กับระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์ ในการใช้ยา Gliclazide เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาชนิดออกฤทธิ์ธรรมดา หรือชนิดออกฤทธิ์นาน (Modified–Release) ที่มีการควบคุมช่วงเวลาการปลดปล่อยยา ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละคน ในกรณีที่แพทย์ใช้ยาชนิดออกฤทธิ์ธรรมดา แพทย์จะเริ่มต้นโดยการให้รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 40–80 มิลลิกรัม จากนั้น แพทย์จะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณยาจนถึง 320 มิลลิกรัมหากจำเป็น โดยหากการรับประทานยาในแต่ในละครั้งมีปริมาณเกิน 160 มิลลิกรัมแพทย์จะแบ่งปริมาณการรับประทานยาเป็น 2 ครั้งใน 1 วัน ส่วนในกรณีที่แพทย์ใช้ยาชนิดออกฤทธิ์นาน แพทย์จะเริ่มต้นโดยให้รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 30 มิลลิกรัม และจะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณยาครั้งละ 30 มิลลิกรัมหากจำเป็น แต่ปริมาณยาสูงสุดต่อวันจะไม่เกิน 120 มิลลิกรัมต่อวัน โดยระยะเวลาการปรับปริมาณยาในแต่ละครั้งจะต้องห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน แต่หากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยา แพทย์อาจพิจารณาเพิ่มปริมาณยาหลังจากการปรับปริมาณยาทุก 2 สัปดาห์ ผู้ที่ใช้ยา Gliclazide ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และผู้ป่วยไม่ควรหยุดรับประทานยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากการรับประทานยานี้ให้เห็นผลต้องรับประทานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ แพทย์อาจนัดผู้ป่วยเป็นระยะเพื่อติดตามอาการและตรวจการตอบสนองต่อยาในระหว่างใช้ยานี้ ซึ่งผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ในการรับประทานยา ผู้ป่วยควรรับประทานยา Gliclazide พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที และหากเป็นไปได้ควรรับประทานยาในมื้ออาหารเช้า โดยในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานยาชนิดออกฤทธิ์นาน ผู้ป่วยควรรับประทานยาทั้งเม็ดและไม่หักหรือเคี้ยวยา ในกรณีที่ลืมรับประทานยา ให้รีบรับประทานยาทันที แต่หากใกล้ถึงเวลาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาในรอบถัดไปโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า และแจ้งให้แพทย์ทราบหากลืมรับประทานยาบ่อย ๆ สำหรับการเก็บรักษายา ผู้ป่วยควรเก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความร้อนและความชื้น เก็บให้พ้นมือเด็ก และที่สำคัญ ห้ามรับประทานยาหากยาหมดอายุ การใช้ยา Gliclazide อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ โดยอาการที่พบได้บ่อย เช่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง ท้องเสีย ท้องผูก อาเจียน อาหารไม่ย่อย อ่อนเพลีย ไอ มีอาการคล้ายหวัด มีไข้ เหงื่อออกมาก ผิวหนังเย็น ข้อเท้าบวม ขาบวม เท้าบวม ผื่นขึ้น คันตามร่างกาย ปวดข้อ และเจ็บหน้าอก นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังอาจพบการเกิดภาวะผิดปกติบางอย่าง อย่างภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ เซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำ และเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้อาการผิดปกติทางร่างกายตามมา เช่น ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่พบอาการในลักษณะข้างต้นควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีความรุนแรงขึ้น แต่ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยา Gliclazide และไปพบแพทย์ทันที หากพบอาการที่รุนแรงหลังการใช้ยา เช่นไกลคลาไซด์ (Gliclazide)
เกี่ยวกับยา Gliclazide
กลุ่มยา
กลุ่มยาซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylureas)
ประเภทยา
ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
กลุ่มผู้ป่วย
ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา
ยารับประทาน
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร
ในปัจจุบันยังไม่มีการจัดหมวดหมู่ของยาชนิดนี้จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ FDA ซึ่งยาอาจส่งผลกระทบต่อมารดาหรือทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการใช้ยา Gliclazide หากไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
คำเตือนในการใช้ยา Gliclazide
ปริมาณการใช้ยา Gliclazide
การใช้ยา Gliclazide
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Gliclazide