Drug name: บรอมเฟนิรามีน-brompheniramine

Description:

บรอมเฟนิรามีน (Brompheniramine)

บรอมเฟนิรามีน (Brompheniramine)

Share:

Brompheniramine (บรอมเฟนิรามีน) เป็นยารักษาและบรรเทาอาการน้ำมูกไหล จาม ระคายเคืองตา คันตา ตาแดง หรือน้ำตาไหลอันเนื่องมาจากภูมิแพ้ ไข้ละอองฟาง หรือไข้หวัด โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของสารฮิสตามีนที่ส่งผลให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่าง ๆ จึงช่วยให้อาการที่เกิดขึ้นทุเลาลง แต่อาจใช้ได้เพียงเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น ไม่สามารถรักษาโรคต้นเหตุของการเจ็บป่วยได้โดยตรง

ทั้งนี้ Brompheniramine อาจนำมาใช้ร่วมกับยาแก้ไอหรือยาแก้หวัดชนิดอื่นหรือใช้รักษาอาการอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ 

เกี่ยวกับยา Brompheniramine

กลุ่มยา ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine)
ประเภทยา ยาที่หาซื้อได้เอง ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ บรรเทาอาการที่เกิดจากภูมิแพ้
กลุ่มผู้ป่วย เด็ก ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ ส่วนผู้ที่กำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา

คำเตือนในการใช้ยา Brompheniramine 

เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้  

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากผู้ป่วยมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาบรอมเฟนิรามีน รวมถึงยาและสารอื่น ๆ เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยาแก้แพ้ ยาแก้หวัดหรือไข้ละอองฟาง ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาบรรเทาปวด ยาระงับประสาท ยานอนหลับ และยากล่อมประสาท เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยานี้และก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง 
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการไม่ควรใช้ยานี้ ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูงที่รุนแรงหรือควบคุมไม่ได้ โรคหลอดเลือดหัวใจที่รุนแรง แผลในกระเพาะอาหาร ต้อหินมุมแคบ ไม่สามารถปัสสาวะได้ หรือภาวะหอบหืดเฉียบพลัน (Asthma Attack)  
  • แจ้งให้แพทย์ทราบและพิจารณาความปลอดภัยต่อร่างกายก่อนใช้ยาหากผู้ป่วยมีประวัติทางการแพทย์ ได้แก่ หอบหืด ถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปัญหาในการหายใจ กระเพาะปัสสาวะอุดตั้น ปัญหาในการปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต แผลในกระเพาะอาหาร ระบบย่อยอาหารอุดตัน ต้อหิน โรคหัวใจ ภาวะความดันโลหิตสูง โรคของต่อมไทรอยด์ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน หรือชัก 
  • ห้ามผู้ป่วยรับประทานยา Brompheniramine หากใช้ยาต้านเศร้ากลุ่ม MAOI ในช่วง 14 วันก่อนหน้า เช่น ยาไอโซคาร์บอกซาซิด (Isocarboxazid) ยาลีเนโซลิด (Linezolid) ยาเมทิลีนบลูชนิดฉีด (Methylene Blue) ยาฟีเนลซีน (Phenelzine) ยาราซากิลีน (Rasagiline) ยาเซเลกิลีน (Selegiline) ยาทรานิลซัยโปรมีน (Tranylcypromine) เป็นต้น เพราะตัวยาอาจทำปฏิกิริยาจนก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ 
  • ผู้ป่วยโรคฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria: PKU) ควรอ่านฉลากและคำเตือนให้ละเอียดก่อนการใช้ยา เนื่องจากยาบางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมของกรดอะมิโนฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายผู้ป่วยขาดเอนไซม์ที่ใช้ย่อยสลาย หากร่างกายเกิดการสะสมของกรดดังกล่าวก็อาจเป็นอันตรายได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการผ่าตัดหรือทำทันตกรรมใด ๆ หากกำลังใช้ยาบรอมเฟนิรามีน
  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ การทำกิจกรรมที่อันตราย หรือการใช้เครื่องจักรทุกชนิดในระหว่างที่ใช้ยาจนกว่าจะแน่ใจว่าตัวยาไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เพราะยานี้อาจส่งผลให้ผู้ป่วยง่วงซึมหรือมีความสามารถในการตอบสนองลดลง
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหรืออยู่ในสภาพอากาศร้อนจัดที่ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูง เนื่องจากผู้ป่วยอาจเสี่ยงต่อโรคลมแดดมากขึ้นในระหว่างที่ใช้ยาต้านฮิสตามีน
  • ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ขณะที่ใช้ยา เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยา 
  • ผู้ป่วยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์ถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนการใช้ยา Brompheniramine เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย
  • ไม่อนุญาตให้ใช้ยาแก้แพ้หรือยาแก้หวัดเพื่อให้เด็กง่วงนอน หากใช้ยาผิดวัตถุประสงค์อาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้ปกครองจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนให้เด็กใช้ยาใด ๆ

ปริมาณการใช้ยา Brompheniramine

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

บรรเทาอาการที่เกิดจากภูมิแพ้ 

ตัวอย่างการใช้ยา Brompheniramine เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดจากภูมิแพ้  

เด็กที่มีอายุ 2-6 ปี รับประทานยาในปริมาณ 1 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง 

เด็กที่มีอายุ 6-12 ปี รับประทานยาในปริมาณ 2 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง  

เด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป / ผู้ใหญ่ รับประทานยาในปริมาณ 4 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง

การใช้ยา Brompheniramine

วิธีการใช้ยาเพื่อความปลอดภัย มีดังนี้

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยยานี้ควรใช้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ จนกว่าอาการจะหายไปเท่านั้น
  • รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้ แต่การรับประทานพร้อมอาหารหรือนมอาจช่วยลดความไม่สบายในกระเพาะอาหาร
  • หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีไข้หลังรับประทานยาไปแล้ว 7 วัน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • ยา Brompheniramine จะใช้เมื่อเกิดอาการและไม่ได้มีตารางการใช้ยาที่เฉพาะเจาะจง แต่หากผู้ป่วยลืมใช้ยาตามกำหนด ให้ข้ามไปใช้ยาตามเวลาปกติ โดยห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • ผู้ป่วยที่ใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนดควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความชื้น ความร้อน และแสงแดด โดยเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง รวมถึงปรึกษาวิธีการเก็บรักษาและการกำจัดยาที่ถูกต้องจากแพทย์และเภสัชกร

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Brompheniramine

ยา Brompheniramine อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ง่วงซึม มองเห็นเป็นภาพเบลอ ท้องผูก ผิวแดง รู้สึกอุ่นหรือเหมือนมีของแหลมแทงตามผิวหนัง ปาก จมูก หรือคอแห้ง คลื่นไส้ ปวดศีรษะ อึดอัดบริเวณหน้าอก รู้สึกกระสับกระส่ายหรือตื่นเต้นโดยเฉพาะในเด็ก แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงควรไปปรึกษาแพทย์   

อย่างไรก็ตาม ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์โดยเร็ว หากพบผลข้างเคียงดังต่อไปนี้

  • มีสัญญาณของการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก อาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ เป็นต้น
  • ง่วงซึมอย่างรุนแรง
  • สับสน เห็นภาพหลอน
  • รู้สึกประหม่า กระสับกระส่าย และเวียนศีรษะ
  • ชัก 
  • ปัสสาวะเพียงเล็กน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย

นอกจากนี้ ยา Brompheniramine อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หากสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของตนเองหลังรับประทานยาควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ :

  • จมูกไม่ได้กลิ่น
  • โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Infectious Mononucleosis)
  • ไข้หวัด