Drug name: เอ็มพากลิโฟลซิน-empagliflozin
Description: Empagliflozin (เอ็มพากลิโฟลซิน) เป็นยาที่แพทย์ใช้สำหรับควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โดยแพทย์อาจใช้ยานี้เพียงชนิดเดียว ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย หรืออาจใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น นอกจากนี้ แพทย์ยังอาจใช้ยานี้เพื่อรักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เช่น ใช้ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจร่วมด้วย หรือใช้ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตหรือการเกิดอาการรุนแรงในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้ ตัวอย่างการใช้ยา Empagliflozin เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ผู้ใหญ่ ในช่วงเริ่มต้นของการรักษา แพทย์จะให้รับประทานยาในปริมาณครั้งละ 10 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง จากนั้นแพทย์อาจพิจารณาเพิ่มปริมาณการรับประทานยาเป็นวันละ 25 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ทั้งนี้ ระหว่างใช้ยานี้แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยารักษาโรคเบาหวานชนิดอื่นร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละคน ผู้ที่ใช้ยา Empagliflozin ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษาอย่างเคร่งครัด และไม่ควรหยุดรับประทานยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากการรับประทานยานี้ให้เห็นผลต้องรับประทานอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างที่ใช้ยานี้แพทย์อาจนัดผู้ป่วยเพื่อตรวจการตอบสนองต่อยาและสัญญาณผิดปกติต่าง ๆ เป็นระยะ ซึ่งผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ยา Empagliflozin เป็นยาที่สามารถรับประทานได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร โดยผู้ป่วยควรรับประทานยาในเวลาเดิมของทุกวันเพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา ในกรณีที่ลืมรับประทานยา ให้รีบรับประทานยาทันที แต่หากใกล้ถึงเวลาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาในรอบถัดไปโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า และแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบหากลืมรับประทานยาบ่อยครั้ง สำหรับการเก็บรักษายา ควรเก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง โดยเก็บให้พ้นมือเด็ก หลีกเลี่ยงความร้อนและความชื้น และไม่ควรใช้ยาหากยาหมดอายุ การใช้ยา Empagliflozin อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น อาการกระหายน้ำ ผื่นขึ้นเล็กน้อย ปัสสาวะบ่อย โดยผู้สูงอายุจะเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากขึ้น รวมถึงอาจพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ หรือในกรณีผู้หญิงอาจพบอาการคันช่องคลอด และมีตกขาวมากผิดปกติ เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการในข้างต้นไม่ดีขึ้นหรือมีความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ ในบางกรณีผู้ป่วยยังอาจพบภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการบางอย่าง เช่น เวียนศีรษะ มือสั่น อยากอาหารผิดปกติ หรือเหงื่อออกมาก โดยอาจใช้เครื่องตรวจน้ำตาลปลายนิ้วเพื่อยืนยัน ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการในเบื้องต้นได้โดยการรับประทานน้ำหวานหรือน้ำตาลปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ หรืออาจเลือกของหวานชนิดอื่น เช่น น้ำผลไม้ประมาณครึ่งแก้ว หรือน้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้นประมาณ 15 นาทีให้วัดระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้ง หากระดับน้ำตาลในเลือดยังต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ให้ปฏิบัติตามวิธีข้างต้นซ้ำ ทั้งนี้ หากค่าน้ำตาลในเลือดยังไม่ดีขึ้นหลังจากปฏิบัติตามวิธีข้างต้นครบ 2 ครั้ง ให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและการรักษาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยา และไปพบแพทย์ทันทีหากพบอาการผิดปกติบางอย่างที่มีความรุนแรง เช่นเอ็มพากลิโฟลซิน (Empagliflozin)
เกี่ยวกับยา Empagliflozin
กลุ่มยา
กลุ่มยายับยั้งตัวขนส่งโซเดียม-กลูโคส 2 (SGLT-2 inhibitors)
ประเภทยา
ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
กลุ่มผู้ป่วย
ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
รูปแบบของยา
ยารับประทาน
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร
Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา Empagliflozin
คำเตือนในการใช้ยา Empagliflozin
ปริมาณการใช้ยา Empagliflozin
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การใช้ยา Empagliflozin
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Empagliflozin