Domperidone (ดอมเพอริโดน)

Domperidone (ดอมเพอริโดน) เป็นยาใช้สำหรับบรรเทาอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน นอกจากนี้ยังอาจนำมาใช้รักษาอาการที่เกิดขึ้นจากการย่อยอาหารล่าช้าจนมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด เรอ คลื่นไส้ แสบร้อนกลางอก และปวดท้อง โดยยานี้จะไปช่วยเพิ่มการหดตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้อาหารเคลื่อนผ่านระบบย่อยอาหารได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับยา Domperidone

กลุ่มยา	ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน
ประเภทยา	ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาหาซื้อได้เองจากร้านขายยา
สรรพคุณ	บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาการจากอาหารไม่ย่อย
กลุ่มผู้ป่วย	เด็กและผู้ใหญ่
รูปแบบของยา	ยาเม็ด ยาน้ำสำหรับเด็ก

คำเตือนการใช้ยา Domperidone

• ห้ามรับประทานยานี้ หากเคยมีอาการแพ้ยาดอมเพอริโดนหรือส่วนประกอบใด ๆ ในตัวยา
• ผู้ป่วยโรคลำไส้ชนิดรุนแรง เช่น เลือดออกในทางเดินอาหารและอาจทำให้อุจจาระเป็นสีดำ กระเพาะอาหารหรือลำไส้เป็นรู มีทางเดินอาหารอุดกั้นซึ่งมักมาพร้อมกับอาการปวดบีบที่ท้องอย่างรุนแรง และผู้ที่มีเนื้องอกบริเวณต่อมใต้สมองชนิดโปรแลกติโนมาห้ามใช้ยานี้
• ผู้ที่มีโรคหรืออยู่ในภาวะใด ๆ ต่อไปนี้ควรแจ้งให้แพทย์ที่จ่ายยาทราบ
  • ป่วยเป็นโรคตับหรือโรคไต
  • หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่มีอาการคล้ายจะตั้งครรภ์ และหญิงที่กำลังให้นมบุตร
  • มีปัญหาโรคหัวใจ ยานี้อาจส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ และจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่รับประทานยานี้มากกว่า 30 มิลลิกรัมต่อวัน
• แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงยาหรือสมุนไพรอื่น ๆ ที่ใช้ เนื่องจากยาอาจทำปฏิกิริยาต่อกัน และส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา รวมถึงการใช้ยาต่อไปนี้ในช่วงที่ผ่านมา
  • ยากลุ่มโอปิออยด์ (Opioid Analgesics) ที่ใช้สำหรับบรรเทาอาการเจ็บปวด
  • คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อรา
  • ยาริโทนาเวียร์ (Ritonavir) ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวี
  • ยาอีริโธรมัยซิน (Erythromycin) ใช้ในการรักษาโรคจากการติดเชื้อ
  • ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิก (Antimuscarinics) ยาที่ใช้รักษาโรคในระบบกระเพาะอาหาร
  • อะแมนตาดีน ยารักษาการติดเชื้อไวรัส
  • โบรโมคริปทีนหรือคาเบอร์โกลีน (Bromocriptine หรือ Cabergoline) ยาสำหรับรักษาเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองหรือโรคพาร์กินสัน
• ยานี้ควรเก็บให้พ้นจากมือเด็ก

ปริมาณการใช้ยา Domperidone

วัยรุ่นและผู้ใหญ่ (น้ำหนัก 35 กิโลกรัมขึ้นไป)

รับประทานยาครั้งละ 10-20 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนมื้ออาหาร ห้ามรับประทานยานี้เกินกว่า 80 มิลลิกรัม/วัน และไม่เกิน 3 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง

ทารกและเด็กเล็ก

เด็กที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 35 กิโลกรัม ไม่ควรรับประทานยานี้ หากจำเป็นควรรับประทาน 0.25-0.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 3-4 ครั้งก่อนมื้ออาหาร หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับปริมาณที่ควรได้รับ ควรสอบถามจากเภสัชกร

การใช้ยา Domperidone

• รับประทานยาตามปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ และอ่านฉลากอย่างระมัดระวังก่อนใช้ยา
• เป็นยาก่อนรับประทานอาหาร ควรรับประทานก่อนอาหารประมาณ 30 นาที
• ควรกลืนยานี้ทั้งเม็ดในคราวเดียวและดื่มน้ำตามในปริมาณที่เพียงพอ
• กรณีลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันที หรือหากใกล้เวลาของการรับประทานครั้งต่อไปก็ให้ข้ามยามื้อนั้นไป
• สำหรับผู้ป่วยโรคไต แพทย์อาจให้ลดปริมาณการรับประทานยานี้หรือลดจำนวนครั้งการรับประทานในแต่ละวัน ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดและอ่านฉลากก่อนใช้ยา หากรู้สึกว่ายาออกฤทธิ์แรงหรืออ่อนไป ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ
• ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อนานเกิน 7 วัน
• หลังใช้ยา หากอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 28 วัน ควรปรึกษาแพทย์ว่าควรใช้ยานี้ต่อไปหรือไม่
• รีบไปพบแพทย์ทันที หากรับประทานยาเกินปริมาณที่กำหนด โดยแพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับประทานผงถ่านกัมมันต์เพื่อป้องกันการดูดซึมยาของร่างกาย

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา 

ผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายอาการแพ้ต่อไปนี้ควรหยุดใช้ยาทันที และรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

• อาการบวมที่มือ เท้า ข้อเท้า ลำคอ ริมฝีปาก หรือใบหน้า
• มีผื่น อาการคัน หรือลมพิษขึ้นตามผิวหนัง
• มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ

กรณีที่มีอาการต่อไปนี้ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์เช่นกัน

• มีอาการชัก
• การเคลื่อนไหวผิดปกติของอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่ ดวงตา ลิ้น มี มีการบิดงอหรือการหันของคอ กล้ามเนื้อสั่นและเมื่อยล้า ซึ่งมักเกิดในเด็กได้มากกว่า
• หัวใจเต้นผิดปกติ อาจเต้นเร็วหรือหรือช้ากว่าปกติ

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่เกิดขึ้นได้แต่พบไม่บ่อย ได้แก่

• ปากแห้ง
• ใจสั่น
• มีน้ำนมไหลออกจากเต้านม
• ประจำเดือนมา ๆ หยุด ๆ
• หน้าอกขยายใหญ่ขึ้นในเพศชาย

ผู้ป่วยบางรายยังอาจมีอาการข้างเคียงจากยาที่พบได้น้อยมาก ได้แก่ ปวดบีบที่ท้องอ่อน ๆ ท้องเสีย ง่วงซึม ประหม่า กระสับกระส่าย หรือพบค่าการทำงานของตับที่สูงขึ้นจากการตรวจเลือด

ดอมเพอริโดนสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงอย่างภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และจะเสี่ยงยิ่งขึ้นหากผู้ป่วยมีอายุ 60 ปีขึ้นไปหรือผู้ที่รับประทานยาเกิน 30 มิลลิกรัม/วัน ทั้งนี้ หากมีอาการนอกเหนือจากข้างต้นที่แย่ลงหรือคงอยู่นานกว่า 2-3 วันควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ