Drug name: อินฟลิซิแมบ
Description: Infliximab (อินฟลิซิแมบ) เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน โรคลำไส้อักเสบและโรคโครห์น เป็นต้น แพทย์มักใช้ยานี้ในกรณีที่ยาชนิดอื่นๆ รักษาไม่ได้ผล ทั้งนี้ แพทย์อาจนำ Infliximab มาใช้การรักษาโรคอื่น ๆ ได้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ การใช้ยา Infliximab มีข้อควรระวังที่ควรศึกษาก่อนการใช้ยา ดังนี้ ปริมาณยาที่ใช้ในการรักษานั้นอาจมีความแตกต่างกันไปตามชนิดของโรค น้ำหนักตัว และการตอบสนองต่อการรักษา จึงควรใช้ยาในปริมาณตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้ ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab ในการรักษาโรคโครห์น ผู้ใหญ่ เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ซ้ำอีกครั้งเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ในปริมาณเท่าเดิม หากผู้ป่วยตอบสนองต่อยา แพทย์จะให้ยาปริมาณเดิมอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรกและให้ยาหลังจากนั้นทุกๆ 8 สัปดาห์ ในกรณีอาการกำเริบอาจต้องเข้ารับยาอีกครั้งหลังจากการให้ยาครั้งสุดท้าย 16 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาหลังรับยาครั้งที่ 2 ควรหยุดการรักษาและปรึกษาแพทย์ เด็ก เด็กอายุ 6-17 ปี เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ยาปริมาณเดิมซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก ๆ 8 สัปดาห์ ผู้ใหญ่ เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ยาปริมาณเดิมซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก ๆ 8 สัปดาห์ ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นหลังการให้ยาครั้งที่ 3 ควรหยุดการให้ยาและปรึกษาแพทย์ เด็ก เด็กอายุ 6-17 ปี เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ยาปริมาณเดิมซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก ๆ 8 สัปดาห์ ผู้ใหญ่ ระยะแรกใช้ยาอินฟลิซิแมบ ร่วมกับยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) ปริมาณ 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ยาปริมาณเดิมซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก ๆ 8 สัปดาห์ ในกรณีที่ยาตอบสนองได้ไม่ดีหรือไม่ตอบสนองภายใน 12 สัปดาห์ แพทย์อาจพิจารณาเพิ่มปริมาณยาตั้งแต่ 1.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไปจนถึง 7.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 8 สัปดาห์ ในบางกรณีสามารถให้ปริมาณยา 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 4 สัปดาห์ หากอาการกำเริบอาจต้องเข้ารับยาอีกครั้งนับจากการให้ยาครั้งสุดท้าย 16 สัปดาห์ ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab รักษาโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด (Ankylosing spondylitis) ผู้ใหญ่ ระยะแรกใช้ยาอินฟลิซิแมบ ปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมผ่านทางหลอดเลือดดำ ให้ยาซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และรับยาหลังจากนั้นทุก ๆ 6-8 สัปดาห์ หากหลังการให้ยาครั้งที่ 2 อาการไม่ตอบสนองต่อการรักษาควรหยุดการรักษาและปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการรักษาด้วยวิธีอื่นต่อไป ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab รักษาโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic arthritis) และโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา ผู้ใหญ่ เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และให้ซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก 8 สัปดาห์ ควรหยุดการรักษาและปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการรักษาด้วยวิธีอื่น หากภายหลัง 12 สัปดาห์อาการยังไม่ดีขึ้นในผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน และ 14 สัปดาห์สำหรับผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา ยา Infliximab นั้นมีข้อมูลที่ควรทราบเพื่อความปลอดภัยก่อนการใช้ ดังนี้ การใช้ยา Infliximab อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ในช่วงเริ่มต้นของการใช้ยาอาจพบอาการเวียนศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก ผื่นคันตามร่างกาย แม้ว่าอาการเหล่านี้เป็นอาการทั่วไป แต่หากอาการรุนแรงขึ้นหรืออาการไม่ทุเลาลงควรไปพบแพทย์ นอกจากนี้ หากผลข้างเคียงเป็นอาการที่รุนแรงดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน สำหรับความผิดปกติอื่น ๆ นอกเหนือจากอาการเหล่านี้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ :อินฟลิซิแมบ
เกี่ยวกับยา Infliximab
กลุ่มยา
ยากดภูมิ (Immunosuppressants)
ประเภทยา
ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ
ใช้รักษาโรคข้ออักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ
กลุ่มผู้ป่วย
เด็ก ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา
ยาฉีด
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์
Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความ
ผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผล
ไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสาม
เดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้
เห็นว่ามีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไปคำเตือนในการใช้ยา Infliximab
ปริมาณการใช้ยา Infliximab
โรคโครห์น
โรคลำไส้อักเสบ
ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab รักษาโรคลำไส้อักเสบ
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab ในการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด
โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินและโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา
การใช้ยา Infliximab
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Infliximab
เนื่องจากยานี้ออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากมีอาการไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน หายใจลำบาก ปัสสาวะบ่อย รู้สึกปวดขณะปัสสาวะ มีมูกใสบริเวณอวัยวะเพศหญิง เกิดผื่นสีขาวในปาก หรือไอและเจ็บคอต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ควรแจ้งแพทย์ทันที
ยาตัวนี้อาจทำให้เกิดความผิดปกติรุนแรงเกี่ยวกับหัวใจ อย่างภาวะหัวใจขาดเลือด ระหว่างฉีดยาจนถึงช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดได้ หากผู้ป่วยเกิดอาการเจ็บหน้าอกร้าวไปแขนด้านซ้ายหรือร้าวขึ้นไปบริเวณกราม หัวใจเต้นผิดปกติ หายใจลำบาก เหงื่อออกมาก เวียนศีรษะ หน้ามืด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
ยา Infliximab อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ เลือดออกง่าย รู้สึกสับสน กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นเหน็บหรือรู้สึกชาตามแขนขา รวมทั้งมีอาการของหัวใจวายอย่างหายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อยง่าย ขาบวม น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่มีสาเหตุ เป็นต้น หากเกิดอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที
ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะโรคตับ ซึ่งอาจส่งผลถึงทารกในครรภ์ด้วย ดังนั้น หากเกิดอาการตาเหลืองตัวเหลือง คลื่นไส้อาเจียนอย่างต่อเนื่อง เบื่ออาหาร ปวดท้อง รู้สึกเหนื่อยอย่างรุนแรง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด ควรเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด
หากพบอาการแพ้ยา อย่างผื่นลมพิษตามตัว มีอาการบวมบริเวณใบหน้า ปาก ลิ้น คอ หายใจลำบาก ควรเข้ารับการรักษาทันที