Drug name: gemcitabine-เจมไซตาบีน
Description: Gemcitabine (เจมไซตาบีน) เป็นยารักษาโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน มะเร็งรังไข่ และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ชะลอหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งภายในร่างกาย บางครั้งแพทย์อาจให้ใช้ยานี้ร่วมกับยารักษามะเร็งชนิดอื่นหรือใช้ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล และอาจนำมาใช้รักษาอาการอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาอาจแตกต่างกันไปตามโรคของผู้ป่วย โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้ ผู้ใหญ่ หยดยาทางหลอดเลือดดำร่วมกับยาแพคลิแทกเซลในปริมาณ 1,250 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกาย 1 ตารางเมตร ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป ในวันที่ 1 และ 8 ของรอบเคมีบำบัด 21 วัน โดยอาจลดปริมาณยาในแต่ละรอบหรือในรอบที่ขึ้นอยู่กับความเป็นพิษต่อยา ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรมีค่าเม็ดเลือดขาวสมบูรณ์มากกว่าหรือเท่ากับ 1,500 /ไมโครลิตร ก่อนเริ่มการรักษา ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ หยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกาย 1 ตารางเมตร ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป เป็นระยะเวลา 7 สัปดาห์ แล้วหยุดพัก 1 สัปดาห์ หลังจากสัปดาห์ที่ 8 ให้หยดยาในวันที่ 1, 8 และ 15 ของแต่ละรอบเคมีบำบัด 28 วัน โดยอาจลดปริมาณยาในแต่ละรอบหรือในรอบที่ขึ้นอยู่กับความเป็นพิษต่อยา ตัวอย่างการใช้ยา Gemcitabine เพื่อรักษามะเร็งรังไข่ระยะลุกลามเฉพาะที่และระยะแพร่กระจายไปตามเนื้อเยื่อ ผู้ใหญ่ หยดยาทางหลอดเลือดดำร่วมกับยาคาร์โบพลาตินในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกาย 1 ตารางเมตร ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป ในวันที่ 1 และ 8 ของรอบเคมีบำบัด 21 วัน โดยอาจลดปริมาณยาในแต่ละรอบหรือในรอบที่ขึ้นอยู่กับความเป็นพิษต่อยา ผู้ใหญ่ หยดยาทางหลอดเลือดดำร่วมกับยาซิสพลาตินในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกาย 1 ตารางเมตร ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป ในวันที่ 1, 8 และ 15 ของรอบเคมีบำบัด 28 วัน และให้หยดยาซ้ำอีกหนึ่งรอบ โดยอาจลดปริมาณยาในแต่ละรอบหรือในรอบที่ขึ้นอยู่กับความเป็นพิษต่อยา วิธีการใช้ยาเพื่อความปลอดภัย มีดังนี้ ปกติแล้ว ยาเจมไซตาบีนอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เจ็บปาก ง่วงซึม ปวดกล้ามเนื้อ มีอาการบวมแดงหรือเจ็บบริเวณที่ถูกฉีดยา ระดับเซลล์เม็ดเลือดต่ำ ผลตรวจเลือดหรือปัสสาวะผิดปกติ มือหรือเท้าบวม มีผื่น ปัสสาวะมีสีแดงหรือชมพู ซึ่งหากมีอาการแย่ลง ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วน นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการผมร่วง แต่จะกลับมาเป็นปกติหลังการรักษาสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและไปปรึกษาแพทย์ทันที หากเกิดอาการรุนแรงดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย หากผู้ป่วยมีความกังวลใจ รวมทั้งพบผลข้างเคียงหรือความผิดปกติอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ :Gemcitabine (เจมไซตาบีน)
เกี่ยวกับยา Gemcitabine
กลุ่มยา
ยาเคมีบำบัด
ประเภทยา
ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ
รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน มะเร็งรังไข่ และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
กลุ่มผู้ป่วย
ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา
ยาใช้ภายนอก ยาฉีดทางหลอดเลือดดำ
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร
Category D จากการศึกษาในมนุษย์ พบความเสี่ยงทำให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ จะใช้ก็ต่อเมื่อพิจารณาแล้วว่าก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมารดาและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดต่อทารกในครรภ์ โดยมากมักใช้ในกรณีที่จำเป็นในการช่วยชีวิตหรือใช้รักษาโรคร้ายแรงของมารดา ซึ่งไม่สามารถใช้ยาอื่น ๆ ทดแทนได้ และไม่ควรให้นมบุตรในขณะที่ใช้ยานี้หรือภายใน 1 สัปดาห์ หลังการใช้ยาครั้งสุดท้าย
คำเตือนในการใช้ยา Gemcitabine
ปริมาณการใช้ยา Gemcitabine
รักษามะเร็งเต้านม
ตัวอย่างการใช้ยา Gemcitabine เพื่อรักษามะเร็งเต้านมที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ กำเริบเฉพาะที่ และระยะแพร่กระจาย
รักษามะเร็งปอด
ตัวอย่างการใช้ยา Gemcitabine เพื่อรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็กระยะลุกลามเฉพาะที่และระยะแพร่กระจาย
รักษามะเร็งตับอ่อน
ตัวอย่างการใช้ยา Gemcitabine เพื่อรักษามะเร็งตับอ่อนระยะลุกลามเฉพาะที่และระยะแพร่กระจาย
รักษามะเร็งรังไข่
รักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
ตัวอย่างการใช้ยา Gemcitabine เพื่อรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะลุกลามเฉพาะที่และระยะแพร่กระจาย
การใช้ยา Gemcitabine
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Gemcitabine