Drug name: โพแทสเซียมไอโอไดด์-potassium-iodide
Description: โพแทสเซียมไอโอไดด์ (Potassium Iodide) เป็นยาที่แพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยสารกัมมันตรังสีไอโอดีน โดยยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมสารกัมมันตรังสีรังสีไอโอดีนของต่อมไทรอยด์เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับต่อมไทรอยด์ระหว่างการรักษา นอกจากนี้ แพทย์อาจใช้ยานี้ในการรักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เช่น ใช้ขับเสมหะในระบบทางเดินหายใจเพื่อบรรเทาอาการไอหรืออาการหายใจลำบากที่เป็นผลมาจากโรคบางชนิด หรือใช้ลดขนาดต่อมไทรอยด์และปริมาณการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ในผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดนำต่อมไทรอยด์ออก อย่างผู้ป่วยโรคไทรอยด์เป็นพิษ โดยการใช้ยานี้ร่วมกับยาต้านไทรอยด์ เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้ ตัวอย่างการใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์เพื่อป้องกันการดูดซึมสารกัมมันตรังสีไอโอดีน ผู้ใหญ่ รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 130 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลา 10–14 วัน หรือรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์ เด็กที่อายุน้อยกว่า 1 เดือน รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 16.25 มิลลิกรัม เด็กที่อายุระหว่าง 1 เดือน–3 ปี รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 32.5 มิลลิกรัม เด็กที่อายุระหว่าง 3–12 ปี รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 65 มิลลิกรัม เด็กที่อายุมากกว่า 12 ปี ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 68 กิโลกรัม รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 65 มิลลิกรัม เด็กที่อายุมากกว่า 12 ปี ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 68 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 130 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลา 10–14 วัน หรือรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์ ตัวอย่างการใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์เพื่อรักษาอาการไอ ผู้ใหญ่ ให้รับประทานยาชนิดน้ำ วันละ 3 หรือ 4 ครั้ง ครั้งละ 300 หรือ 600 มิลลิกรัม ผู้ป่วยที่รับประทานยาโพแทสเซียมไอโอไดด์ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เภสัชกร หรือฉลากยาอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่รับประทานยาชนิดน้ำ ให้ใช้อุปกรณ์สำหรับตวงยาโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการรับประทานยาเกินขนาด สำหรับผู้ที่รับประทานยาชนิดน้ำ หากรับประทานยาแล้วรู้สึกระคายเคืองในท้อง ให้รับประทานยาพร้อมหรือหลังอาหาร หรืออาจรับประทานยาโดยนำยาไปผสมกับน้ำเปล่า หรือเครื่องดื่มชนิดอื่น เช่น นมสูตรไขมันต่ำ หรือน้ำผลไม้ นอกจากนี้ ให้หลีกเลี่ยงการเอนตัวนอนหลังจากรับประทานยาอย่างน้อย 10 นาที ผู้ป่วยอาจเลือกรับประทานยาในเวลาเดิมของทุกวันเพื่อจดจำเวลาและป้องกันการลืมรับประทานยา ในกรณีที่ผู้ป่วยลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้ถึงเวลารับประทานยารอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานในรอบถัดไปโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า รวมถึงควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากลืมรับประทานยาบ่อย ๆ สำหรับการเก็บรักษายา ให้เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิม โดยเก็บในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความชื้น หากเก็บยาไว้ในที่เย็น ให้เขย่าขวดหรือนำยาไว้ในอุณหภูมิห้องก่อนรับประทานเนื่องจากยาอาจตกตะกอนได้ และควรเก็บยาให้พ้นมือเด็ก นอกจากนี้ ควรดูวันหมดอายุบนฉลากยาก่อนใช้ยาทุกครั้ง หากพบว่ายาเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลหรือสีเหลือง ให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาและแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเพื่อขอเปลี่ยนยา การใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น ปวดศีรษะ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีรสโลหะในปาก ไข้ขึ้น ผื่นขึ้น สิวขึ้น หรืออาการบวมบริเวณปากและคอ ซึ่งผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์ทันที หากพบอาการผิดปกติที่รุนแรงหลังจากใช้ยา เช่นโพแทสเซียมไอโอไดด์ (Potassium Iodide)
เกี่ยวกับยาโพแทสเซียมไอโอไดด์
กลุ่มยา
ยาต้านไทรอยด์ ยาขับเสมหะ
ประเภทยา
ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ
ป้องกันสารกัมมันตรังสีไอโอดีน ขับเสมหะในระบบทางเดินหายใจ ลดขนาดต่อมไทรอยด์และปริมาณการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์
กลุ่มผู้ป่วย
เด็กและผู้ใหญ่
รูปแบบของยา
ยาเม็ดและยาน้ำ
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร
Category D จากการศึกษาในมนุษย์ พบความเสี่ยงทำให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ จะใช้ก็ต่อเมื่อพิจารณาแล้วว่า ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมารดาและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดต่อทารกในครรภ์ โดยมากมักใช้ในกรณีที่จำเป็นในการช่วยชีวิต หรือใช้รักษาโรคร้ายแรงของมารดา ซึ่งไม่สามารถใช้ยาอื่น ๆ ทดแทนได้ ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และผู้ที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์
คำเตือนในการใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์
ปริมาณการใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์
ป้องกันสารกัมมันตรังสีไอโอดีน
รักษาอาการไอ
การใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์