Drug name: เออร์โกแคลซิเฟอรอล

Description:

Ergocalciferol

Ergocalciferol

Share:

Ergocalciferol (เออร์โกแคลซิเฟอรอล) หรือวิตามินดี 2 มีฤทธิ์ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ดีขึ้น และยังช่วยรักษาโรคกระดูกอ่อนในเด็ก รักษาภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานได้ไม่ดี หรือรักษาและป้องกันภาวะฟอสเฟตในเลือดต่ำ นอกจากนี้ อาจใช้เพื่อรักษาอาการอื่น ๆ ได้ตามดุลยพินิจของแพทย์

อย่างไรก็ตาม วิตามินดีเป็นสารที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เองเมื่อผิวหนังสัมผัสกับแสงแดด โดยเป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน แต่ปัจจัยบางอย่างอาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ เช่น อุปกรณ์ป้องกันแสงแดดที่ใช้ สีผิว หรืออายุของแต่ละคน เป็นต้น ดังนั้น หากมีอาการขาดวิตามินดีหรือกังวลเกี่ยวกับภาวะนี้ ควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริมใด ๆ ด้วยตนเอง

กลุ่มยา วิตามิน
ประเภทยา ยาที่หาซื้อได้เอง
สรรพคุณ ช่วยบำรุงกระดูก รักษาและป้องกันโรคกระดูกพรุน
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน ยาฉีด
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์
แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์
ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์

คำเตือนในการใช้ Ergocalciferol

  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากแพ้ยาหรือส่วนประกอบในยา Ergocalciferol ยาทาร์ทราซีน หรือแพ้สารชนิดใด ๆ ก็ตาม เพราะวิตามินชนิดนี้อาจมีส่วนผสมของทาร์ทราซีนหรือสารอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาชนิดต่าง ๆ สมุนไพร และอาหารเสริมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมถึงโรคต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ เพื่อให้แพทย์แน่ใจว่าสามารถให้ผู้ป่วยรับประทานวิตามินชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัย
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีระดับวิตามินดีสูง เป็นโรคตับ โรคไต มีภาวะแคลเซียมในเลือดสูง หรือมีภาวะร่างกายดูดซึมสารอาหารยาก (Malabsorption Syndrome)
  • หากป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคตับ โรคฟีนิลคีโตนูเรีย รวมถึงโรคอื่น ๆ ที่ต้องหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการบริโภคน้ำตาลและแอลกอฮอล์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามินชนิดนี้ เพราะวิตามินที่เป็นแบบน้ำ แบบเม็ดเคี้ยว หรือแบบเม็ดที่แตกตัวในช่องปาก อาจมีน้ำตาล สารให้ความหวาน หรือแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย
  • ไม่ควรเริ่มรับประทาน หยุดรับประทาน หรือเปลี่ยนแปลงปริมาณการรับประทานวิตามินนี้ด้วยตนเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
  • หากได้รับวิตามินดีจากช่องทางอื่น ๆ อยู่ด้วยในระหว่างที่รับประทาน Ergocalciferol ควรปรึกษาแพทย์ เพราะหากได้รับวิตามินดีมากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
  • หากกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากรับประทานวิตามินชนิดนี้ในระหว่างที่ตั้งครรภ์
  • หากกำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน Ergocalciferol  

ปริมาณการใช้ Ergocalciferol

ปริมาณในการรับประทาน Ergocalciferol อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อย่างโรคที่รักษา โรคอื่น ๆ ที่เป็นอยู่ และดุลยพินิจของแพทย์ เช่น

ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ โรคกระดูกอ่อน หรือโรคกระดูกอ่อนในเด็ก

การใช้ Ergocalciferol เพื่อรักษาผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ เป็นโรคกระดูกอ่อน หรือเป็นโรคกระดูกอ่อนในเด็ก มีตัวอย่างการรับประทานยา คือ ให้ผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่รับประทาน Ergocalciferol วันละประมาณ 10 ไมโครกรัม หากอาการมีความรุนแรงอย่างภาวะร่างกายดูดซึมสารอาหารยากหรือเป็นโรคไต อาจต้องเพิ่มปริมาณเป็นวันละ 1 มิลลิกรัม นอกจากนี้ แพทย์อาจให้วิตามินชนิดนี้โดยการฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อได้

การใช้ยา Ergocalciferol  

  • แจ้งแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร หรือผู้ดูแลสุขภาพด้านอื่น ๆ ให้ทราบว่ากำลังรับประทาน Ergocalciferol อยู่
  • รับประทานวิตามินชนิดนี้พร้อมหรือไม่พร้อมกับมื้ออาหารก็ได้ โดยควรรับประทานพร้อมอาหารหากเคยใช้ Ergocalciferol แล้วมีอาการท้องเสีย
  • รับประทานวิตามินชนิดนี้ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด แม้จะรู้สึกดีขึ้นก่อนครบกำหนดก็ตาม และรับประทานอาหารตามแผนที่แพทย์กำหนดให้
  • ไปตรวจเลือดและเข้าพบแพทย์ตามวันและเวลาที่แพทย์กำหนดเสมอ
  • หากลืมรับประทานวิตามินชนิดนี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้เวลาของรอบต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานรอบที่จะถึงโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณเพื่อทดแทนรอบที่ลืมไป
  • หากรับประทานวิตามินเกินปริมาณที่เหมาะสม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  • หากรับประทาน Ergocalciferol ไปแล้วปัญหาสุขภาพที่เป็นอยู่ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ควรไปพบแพทย์
  • ไม่ควรรับประทานยาหรือวิตามินของผู้อื่น และไม่ควรให้ผู้อื่นรับประทานวิตามินของตนเอง
  • เก็บวิตามินนี้ไว้ในอุณหภูมิห้อง โดยให้หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น และควรเก็บในที่ที่ปลอดภัย ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง

ผลข้างเคียงจากการใช้ Ergocalciferol

โดยปกติแล้ว การบริโภควิตามินดี 2 ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง แต่ในบางครั้งก็อาจทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นได้ เช่น

  • อาการแพ้ยา เช่น เป็นผื่นลมพิษ คัน ไอ หน้าบวม คอบวม ปากบวม ลิ้นบวม หายใจไม่อิ่ม หายใจมีเสียงหวีด เป็นต้น
  • ภาวะแคลเซียมหรือวิตามินดีในร่างกายสูงเกินไป จนอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น กระหายน้ำมาก ปัสสาวะมาก อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป รู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติ เวียนหัว อาเจียน ไม่อยากอาหาร ท้องผูก เป็นต้น

นอกจากนี้ Ergocalciferol อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้ด้วย ดังนั้น หากเกิดความผิดปกติใด ๆ ขึ้นในระหว่างที่ใช้วิตามินชนิดนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ :

  • กระดูกสะโพกหัก
  • กลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่ (PWS)
  • ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติ (Hypocalcemia)