Illness name: lyme disease โรคไลม์
Description: Lyme Disease หรือโรคไลม์ เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียจากการโดนเห็บกัด ซึ่งทำให้มีผื่นเป็นวงสีแดงซ้อนกัน 2 วงเกิดขึ้นบริเวณที่โดนกัด และอาจทำให้มีอาการคล้ายเป็นหวัด เช่น หนาวสั่น เป็นไข้ ปวดศีรษะ เมื่อยล้า หรือปวดกล้ามเนื้อ เป็นต้น สามารถรักษาได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะ หากได้รับการรักษาเร็ว ผู้ป่วยก็จะยิ่งมีโอกาสฟื้นตัวเร็วมากขึ้น ในระยะแรก หลังจากโดนเห็บกัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อจะมีผื่นแดงลักษณะคล้ายเป้ายิงปืนเป็นวงสีแดงซ้อนกัน 2 วงบริเวณที่โดนกัด แต่ไม่รู้สึกปวดหรือคัน ซึ่งเป็นอาการที่บ่งบอกว่าเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือดเพิ่มจำนวนขึ้น แต่อาจไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนที่โดนเห็บกัด โดยบางคนอาจเป็นผื่นแดงแข็ง ๆ หรือมีลักษณะคล้ายแผลฟกช้ำในผู้ที่มีผิวสีคล้ำ หลังจากนั้นหลายสัปดาห์ เชื้อแบคทีเรียจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย แล้วอาจทำให้มีอาการคล้ายเป็นหวัด ดังนี้ หากเชื้อแพร่กระจายไปทั่วร่างกายแล้วไม่ได้รับการรักษา เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือนหรือเป็นปี อาจทำให้มีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นร่วมด้วยได้ ซึ่งควรไปพบแพทย์โดยด่วนหากพบอาการดังต่อไปนี้ นอกจากนี้ สัตว์เลี้ยงภายในบ้านก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน ซึ่งสุนัขที่ติดเชื้ออาจใช้เวลาประมาณ 2-5 เดือนกว่าจะแสดงอาการป่วย โดยมีข้อสังเกต เช่น ข้ออักเสบที่มักเกิดขึ้นบริเวณข้อศอกและข้อเข่าอาจทำให้เดินขากะเผลกสลับจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง มีไข้สูง เป็นต้น แม้ส่วนใหญ่สัตว์ที่ติดเชื้อมักมีอาการดีขึ้นเอง แต่ในบางกรณีอาจมีอาการป่วยเป็นเวลานาน อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับไตหรือหัวใจ และอาจทำให้ตายได้ในที่สุด Lyme Disease เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม Borrelia จากเห็บชนิด Backlegged หรือ Deer Tick ในแถบเอเชีย โรคนี้มักมีสาเหตุมาจากเชื้อ Borrelia Garinii เมื่อโดนเห็บกัดและดูดเลือดเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง เห็บจะมีตัวบวมและปล่อยเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางผิวหนัง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจำไม่ได้ว่าโดนเห็บกัดมาตั้งแต่เมื่อใด ทั้งนี้ ผู้ที่สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ปกปิดผิวหนังขณะทำกิจกรรมในบริเวณที่มีเห็บชุกชุมอย่างในป่า ทุ่งหญ้า ในสวน หรือบริเวณที่มีหญ้าขึ้นสูง และผู้ที่ไปเรียน ทำงาน หรืออาศัยอยู่ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศแถบยุโรป ประเทศจีน ญี่ปุ่น และบางพื้นที่ของประเทศรัสเซียก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้ แพทย์จะตรวจร่างกายและตรวจประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย แล้วตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดี้ต่อเชื้อแบคทีเรียด้วยวิธี ELISA (Enzyme-Linked Immunosorbent Assay) จากนั้นแพทย์อาจตรวจด้วย Western Blot Test เพื่อยืนยันผลการตรวจ ELISA อีกครั้ง ซึ่งผลเลือดที่เชื่อถือได้มากที่สุดจะเป็นช่วง 2-3 สัปดาห์หลังจากโดนเห็บกัด นอกจากนี้ อาจตรวจด้วย PCR (Polymerase Chain Reaction) จากน้ำในกระดูกสันหลังและข้อกระดูก เพื่อประเมินผู้ป่วยที่มีอาการข้ออักเสบและอาการทางระบบประสาทที่เป็นผลมาจากโรคนี้ด้วย การรักษาหลักสำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อในระยะแรกทำได้ด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น ยารับประทาน ยาฉีด แพทย์อาจฉีดยาปฏิชีวนะเข้าทางหลอดเลือดดำเป็นเวลา 14-28 วัน ในกรณีที่อาการส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง อย่างไรก็ตาม การใช้ยาปฏิชีวนะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำ ท้องเสีย หรืออาจทำให้เกิดการติดเชื้อในอวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดกลุ่มอาการหลังการรักษาโรคไลม์ (Post-Treatment Lyme Disease Syndrome: PTLDS) ซึ่งจะมีอาการเมื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หรือมีอาการทางระบบประสาทหลงเหลืออยู่ ซึ่งการใช้ยาปฏิชีวนะในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอาจไม่สามารถรักษากลุ่มอาการนี้ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการดีขึ้นเอง Lyme Disease เป็นโรคที่ยิ่งรักษาเร็ว ผู้ป่วยก็จะยิ่งฟื้นตัวได้เร็วขึ้น แต่หากปล่อยไว้แล้วไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการ ดังนี้ความหมาย โรคไลม์ (Lyme Disease)
อาการของโรคไลม์
สาเหตุของโรคไลม์
การวินิจฉัยโรคไลม์
การรักษาโรคไลม์
ภาวะแทรกซ้อนของโรคไลม์
การป้องกันโรคไลม์