Illness name: haemophilus influenzae type b โรคฮิบ
Description: Haemophilus Influenzae Type B หรือโรคฮิบ เป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนเซ่ ชนิดบี ส่งผลให้ผู้ป่วยมีไข้ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง คอแข็ง ชัก หรือเกิดอาการเจ็บป่วยร้ายแรงต่าง ๆ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝาปิดกล่องเสียงอักเสบ ปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ หรือเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยโรคนี้มักเกิดในเด็กเล็ก และเชื้อชนิดนี้สามารถแพร่กระจายจากละอองในอากาศผ่านการไอหรือจาม รวมถึงการสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกและคอของผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยบางรายอาจมีไข้ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง คอแข็ง ชัก เซื่องซึมอย่างรุนแรง ตื่นนอนยาก หายใจลำบาก และหมดสติได้ โดย Haemophilus Influenzae Type B อาจทำให้เกิดปัญหาแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ติดเชื้อด้วย เช่น นอกจากนี้ อาจเกิดการติดเชื้อในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายด้วย อย่างติดเชื้อในกระแสเลือด กระดูกอักเสบ และภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยไอและการหายใจมีปัญหา ภาวะข้ออักเสบที่มีอาการบวมแดงและเจ็บข้อ รวมถึงการติดเชื้อที่หู ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหูอย่างรุนแรง โรคฮิบหรือ Haemophilus Influenzae Type B เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียอย่างฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนเซ่ ชนิดบี ซึ่งอาศัยอยู่ภายในจมูกและคอของคน โดยทั่วไปเชื้อนี้มักไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่อาจเคลื่อนที่ไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ โดยแบคทีเรียชนิดนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้จากการสูดดมละอองที่มาจากการไอและจาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อหรือเป็นพาหะนำโรค โดยอาจใช้เวลา 2-3 วัน ผู้ป่วยจึงจะแสดงอาการป่วยออกมา ทั้งนี้ คนบางกลุ่มก็มีความเสี่ยงในการเกิดโรค Haemophilus Influenzae Type B มากกว่าคนทั่วไป ดังนี้ แพทย์อาจวินิจฉัยอาการของ Haemophilus Influenzae Type B ด้วยการซักประวัติสุขภาพและสอบถามอาการจากผู้ป่วย ตรวจร่างกาย และอาจส่งตรวจเพิ่มเติมบางประการ เช่น การเก็บตัวอย่างเลือดไปส่งตรวจ การตรวจของเหลวในไขสันหลังซึ่งเป็นการใช้เข็มดูดน้ำไขสันหลังออกมาและนำไปตรวจวินิจัยฉัยต่อไป หรือการเก็บตัวอย่างอื่น ๆ จากร่างกายผู้ป่วย เพื่อนำไปตรวจให้ทราบว่าเป็นการติดเชื้อจากแบคทีเรียฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนเซ่ ชนิดบีจริงหรือไม่ เป็นต้น โรค Haemophilus Influenzae Type B สามารถรักษาได้โดยการให้ยาปฏิชีวนะประมาณ 10 วัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยแต่ละคน โดยผู้ป่วยบางคนอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะหลายตัวเพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น และอาจต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิดและจ่ายยาที่เหมาะสมให้ตามอาการ นอกจากนี้ ยังมีการรักษาอื่น ๆ เช่น การใช้เครื่องช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วยหนักที่มีอาการฝาปิดกล่องเสียงอักเสบ การใช้ยาลดความดันโลหิต และการดูแลบาดแผลที่เกิดจากผิวหนังถูกทำลายตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรหยุดงานหรือหยุดเรียนหากยังมีอาการอยู่หรือหลังจากเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะไปแล้วประมาณ 1-2 วัน และผู้ป่วยบางรายต้องอยู่ห่างจากบุคคลที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค Haemophilus Influenzae Type B ด้วย โดยเฉพาะทารกแรกเกิดหรือผู้สูงอายุที่อาจมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย แม้จะมีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ แต่โรค Haemophilus Influenzae Type B ก็อาจทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวหรือนำไปสู่การเสียชีวิตได้ในบางกรณี ดังนี้ วิธีที่สามารถป้องกันโรค Haemophilus Influenzae Type B ได้ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ได้ ซึ่งโดยปกติเด็กแรกเกิดควรได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เมื่ออายุ 2 เดือน เข็มที่ 2 เมื่ออายุ 4 เดือน และเข็มที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน สำหรับเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปที่มีสุขภาพแข็งแรงอาจไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันอีก ยกเว้นแต่จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอจากปัญหาสุขภาพอย่างการติดเชื้อเอชไอวี ไม่มีม้าม หรือม้ามทำงานผิดปกติ แพทย์จึงอาจแนะนำให้มาฉีดวัคซีนกระตุ้นอีกครั้งเมื่อเด็กมีอายุ 12-18 เดือน เพื่อเป็นการป้องกันโรคในระยะยาว อย่างไรก็ตาม แม้โดยทั่วไปวัคซีนป้องกันโรค Haemophilus Influenzae Type B แทบไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง แต่ในบางครั้งผู้ที่รับการฉีดก็อาจมีอาการบวมแดงบริเวณผิวหนังที่ถูกฉีดยาเข้าไปได้ และวัคซีนป้องกันโรคนี้สามารถป้องกันได้เพียงเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนเซ่ ชนิดบีเท่านั้น ผู้ปกครองจึงควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อให้บุตรหลานได้รับวัคซีนอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ แม้ตามปกติแล้วการฉีดวัคซีนโรคนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่กระทรวงสาธารณสุขอาจมีนโยบายบรรจุวัคซีน Haemophilus Influenzae Type B ลงในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อให้เด็กไทยได้รับวัคซีนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยอาจจะฉีดรวมกันกับวัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบีภายในเข็มเดียว ซึ่งคาดว่าอาจเริ่มต้นใช้วัคซีนรวม 5 โรคนี้ในปี 2562 ต่อไป ความหมาย โรคฮิบ (Haemophilus Influenzae Type B)
อาการของโรคฮิบ
สาเหตุของโรคฮิบ
การวินิจฉัยโรคฮิบ
การรักษาโรคฮิบ
ภาวะแทรกซ้อนของโรคฮิบ
การป้องกันโรคฮิบ