Illness name: ภาวะไส้ตรงปลิ้น rectal prolapse
Description: Rectal Prolapse (ภาวะไส้ตรงปลิ้น) เป็นความผิดปกติในส่วนของลำไส้ตรงที่เคลื่อนตัวลงมาต่ำกว่าตำแหน่งปกติ โดยอาจอยู่บริเวณเชิงกรานหรือออกมานอกทวารหนัก ผู้ป่วยจะรู้สึกถึงก้อนนูนบริเวณทวารหนัก ปวดหรือไม่สบายบริเวณท้องน้อย และปลายลำไส้อาจยื่นออกมานอกทวารหนักเมื่อขับถ่าย เดิน หรือออกกำลังกาย ภาวะ Rectal Prolapse มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และความรุนแรงของอาการมีอยู่หลายระดับ โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบ คือ ผู้ป่วยจะมีอาการแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของภาวะ Rectal Prolapse ดังนี้ ภาวะ Rectal Prolapse อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ เส้นประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมการหดตัวของลำไส้ตรงและกล้ามเนื้อรูทวารได้รับความเสียหาย โดยอาจเป็นผลจากการได้รับบาดเจ็บที่หลังหรือไขสันหลัง การตั้งครรภ์หรือการคลอดบุตรยาก หรือการผ่าตัดในบริเวณกระดูกเชิงกรานและหลัง กล้ามเนื้อหูรูดทำหน้าที่ปล่อยอุจจาระจากลำไส้ตรง โดยอาจเกิดจากการตั้งครรภ์หรือการคลอด ส่วนกล้ามเนื้อหูรูดในผู้สูงอายุอาจอ่อนแรงลงตามวัย นอกจากนี้ Rectal Prolapse อาจเกิดได้จากการเคลื่อนไหวผิดปกติของลำไส้อย่างเรื้อรังเนื่องจากอาการท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง ส่งผลให้ลำไส้ตรงขยับลงต่ำกว่าตำแหน่งปกติ ทั้งนี้ ความเสี่ยงของภาวะนี้จะเพิ่มขึ้นหากผู้ป่วยมีภาวะหรือโรคบางอย่าง เช่น โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคเบาหวาน โรคติดเชื้อปรสิตหรือพยาธิบางชนิด หรือผู้ที่ผ่าตัดมดลูก เป็นต้น แพทย์จะสอบถามประวัติและตรวจการทำงานของลำไส้ตรง โดยให้ผู้ป่วยออกแรงเบ่งขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ขับถ่ายเพื่อจำลองการเคลื่อนไหวของลำไส้ พร้อมกับประเมินอาการอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับภาวะนี้ร่วมด้วย อย่างภาวะปัสสาวะเล็ด (Urinary Incontinence) กระเพาะปัสสาวะหย่อน (Bladder Prolapse) หรือมดลูกหย่อน หลังจากนั้น แพทย์จะจรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เพื่อช่วยยืนยันผลการวินิจฉัยเบื้องต้น ดังนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีเลือดออกในลำไส้ตรง แพทย์อาจจำเป็นจะต้องตรวจหาโรคอื่นเพิ่มเติม โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้ การรักษาภาวะ Rectal Prolapse ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการผ่าตัด หากผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง แพทย์อาจชะลอการรักษาไว้ก่อน ในขั้นต้นอาจเป็นการใช้ยาระบายกลุ่มที่ทำให้อุจจาระนิ่ม (Stool Softener) และใช้นิ้วดันเนื้อเยื่อให้กลับเข้าสู่ทวารหนัก เปลี่ยนรูปแบบวิถีชีวิตโดยเน้นรับประทานผัก ผลไม้หรือธัญพืชไม่ขัดสีมากขึ้น ออกกำลังกายเป็นประจำและดื่มน้ำมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการของ Rectal Prolapse มักจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากและกระทบต่อการใช้ชีวิต แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดผ่านหน้าท้องเพื่อดึงลำไส้ตรงกลับมายังตำแหน่งเดิม โดยอาจเป็นการผ่าตัดเปิดแผลใหญ่หรือการผ่าตัดส่องกล้องด้วยเครื่องมือพิเศษ ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยสูงอายุหรือไม่สามารถผ่าตัดผ่านทางหน้าท้องได้ แพทย์จะผ่าตัดบริเวณรอบทวารหนักแทน โดยจะตัดลำไส้ตรงบางส่วนออกแล้วเย็บส่วนที่เหลือติดกับลำไส้ใหญ่ส่วนบน และบางรายอาจใช้ทั้ง 2 วิธีร่วมกันขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของผู้ป่วยแต่ละคน ผู้ป่วย Rectal Prolapse ที่ไม่ได้รับการรักษาอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมา เช่น ไส้ตรงได้รับความเสียหายจากการเกิดบาดแผล เกิดภาวะเนื้อเน่าตายเนื่องจากไส้ตรงส่วนปลิ้นลงมาจนเลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงได้ หรือกลับมาเป็นภาวะ Rectal Prolapse ซ้ำหลังการรักษา เป็นต้น การลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Rectal Prolapse ทำได้ด้วยการดูแลการทำงานของลำไส้ให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอและหลีกเลี่ยงอาการท้องผูกตามคำแนะนำดังนี้ความหมาย ภาวะไส้ตรงปลิ้น (Rectal Prolapse)
อาการของ Rectal Prolapse
สาเหตุของ Rectal Prolapse
ความเสียหายบริเวณเส้นประสาท
กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักอ่อนแรง
การวินิจฉัย Rectal Prolapse
การรักษา Rectal Prolapse
ภาวะแทรกซ้อนของ Rectal Prolapse
การป้องกัน Rectal Prolapse