Illness name: ภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง
Description: Hallux Valgus หรือภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง คือสภาวะหัวแม่เท้าผิดรูปที่เกิดจากกระดูกปูดออกมาจากบริเวณข้อต่อของโคนนิ้วหัวแม่เท้า เนื่องจากนิ้วหัวแม่เท้าถูกเบียดให้เอนไปชิดกับนิ้วชี้ทำให้ข้อต่อบริเวณโคนนิ้วหัวแม่เท้ายื่นออกมา โดยบริเวณที่มีอาการอาจมีลักษณะบวมแดงและทำให้รู้สึกเจ็บปวด ในบางกรณีอาจไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อเวลาผ่านไป Hallux Valgus อาจทำให้นิ้วเท้าเบียดชิดติดกันจนผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดได้เช่นกัน รวมทั้งอาจส่งผลต่อการผิดรูปของเท้าอย่างถาวร ดังนั้น หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป อาการและสัญญาณบ่งบอกถึง Hallux Valgus มีดังนี้ โดยทั่วไป Hallux Valgus มักไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่หากมีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับเท้าเพื่อทำการรักษาต่อไป สาเหตุของการเกิดภาวะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด Hallux Valgus ประกอบด้วย ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การยืนเป็นระยะเวลานาน การสวมรองเท้าส้นสูง หรือการสวมรองเท้าที่คับแน่นและบีบหน้าเท้าจนเกินไปก็อาจทำให้อาการของผู้ป่วยแย่ลงได้ โดยทั่วไป Hallux Valgus พบได้บ่อยในเพศหญิง ในบางกรณีอาจเกิดในช่วงวัยรุ่น โดยมักพบในเด็กหญิงอายุระหว่าง 10-15 ปี แพทย์จะวินิจฉัยอาการ Hallux Valgus ด้วยการสังเกตลักษณะเท้าภายนอกของผู้ป่วยก็อาจเพียงพอแล้ว เนื่องจากเป็นภาวะที่เห็นอาการได้จากลักษณะภายนอกที่ปรากฏ โดยแพทย์อาจให้ผู้ป่วยทดลองขยับนิ้วเท้าไปมาเพื่อวินิจฉัยการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติบริเวณนิ้วเท้า หรืออาจตรวจเพิ่มเติมด้วยการเอกซเรย์เพื่อดูรายละเอียดของอาการบาดเจ็บหรือเท้าผิดรูป รวมไปถึงอาจใช้วิธีการตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคข้ออักเสบ การรักษาจะแตกต่างกันตามความรุนแรงและอาการที่เกิดขึ้น โดยสามารถแบ่งวิธีรักษาออกได้เป็น 2 วิธี ดังนี้ เป็นวิธีการรักษาเบื้องต้นเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและลดแรงกดลงบริเวณที่มีอาการ ดังนี้ แพทย์จะไม่แนะนำให้ผู้ป่วยผ่าตัดเพื่อจุดประสงค์ในการตกแต่งรูปเท้าให้สวยงาม แต่จะใช้ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น มีอาการเจ็บปวดมากขึ้นหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยอาจใช้วิธีเพียงวิธีเดียวหรือหลายวิธีต่อไปนี้ร่วมกันก็ได้ โดยส่วนมาก การรักษา Hallux Valgus ด้วยการผ่าตัดมักเสร็จสิ้นภายใน 1 วัน ซึ่งขั้นตอนการรักษาจะขึ้นอยู่กับสุขภาพโดยรวม อายุ การทำกิจกรรม และความผิดปกติของรูปเท้าของผู้ป่วย ระยะเวลาการพักฟื้นก็จะแตกต่างกันไปตามวิธีการรักษาด้วย โดยหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยไม่ควรสวมรองเท้าที่คับเกินไปหรือบีบหน้าเท้า เพื่อป้องกันการเกิด Hallux Valgus ซ้ำอีกในภายหลัง อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วย Hallux Valgus ที่มีอาการในช่วงวัยรุ่น เนื่องจากยังมีการเจริญเติบโตที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะของกระดูกได้ ภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นได้หาก Hallux Valgus ไม่ได้รับการรักษา เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะถุงข้อต่อบวมอักเสบ (Bursitis) ซึ่งเกิดจากการอักเสบและบวมขึ้นของถุงน้ำบริเวณข้อต่อ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดและอาจทำให้เคลื่อนไหวข้อต่ออื่น ๆ บริเวณนิ้วเท้าไม่สะดวก นอกจากนี้ Hallux Valgus อาจทำให้เกิดภาวะนิ้วเท้าหรือเท้าผิดรูป นิ้วเท้าแข็ง หรือมีอาการปวดเรื้อรังบริเวณเท้าหรือนิ้วเท้าได้ ทั้งนี้ หากพบว่าตนเองมีอาการผิดปกติและมีอาการของโรคเบาหวานหรือสัญญาณบ่งชี้ของการอักเสบร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที แม้จะยังไม่ทราบวิธีการป้องกันที่แน่ชัด แต่สามารถลดความเสี่ยงของการเกิด Hallux Valgus ได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ความหมาย ภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง (Hallux Valgus)
อาการของ Hallux Valgus
สาเหตุของ Hallux Valgus
การวินิจฉัย Hallux Valgus
การรักษา Hallux Valgus
การรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัด
การรักษาด้วยการผ่าตัด
ภาวะแทรกซ้อนของ Hallux Valgus
การป้องกัน Hallux Valgus