Illness name: dysarthria
Description: Dysarthria หรือกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูดผิดปกติ คือความผิดปกติทางการพูดที่เกิดจากผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการพูดหรือเปล่งเสียงได้ตามปกติ ไม่สามารถควบคุมระดับเสียงและจังหวะในการพูดของตนเองได้ โดยสาเหตุมักมาจากการบาดเจ็บของสมองหรืออาการที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น โรคเส้นเลือดในสมอง โรคสมองพิการ โรคพาร์กินสัน หรือการบาดเจ็บในระบบประสาทส่วนกลาง เป็นต้น อาการกล้ามเนื้อในการพูดผิดปกติมักไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการการรับรู้และเข้าใจของผู้ป่วย โดยแพทย์จะรักษา Dysarthria ตามสาเหตุ อาการ และความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งส่วนใหญ่จำเป็นจะต้องเข้ารับการบำบัดฝึกพูดเพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อในการพูดผิดปกติจะมีอาการที่แตกต่างกันไปตามสาเหตุ แต่โดยทั่วไปมักจะมีอาการต่าง ๆ ดังนี้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจพูดได้เพียงประโยคสั้น ๆ คำสั้น ๆ หรืออาจเป็นการพูดที่ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้เลย อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้มักไม่ส่งผลกระทบต่อการรับรู้คำพูดและการทำความเข้าใจ กล่าวคือ ผู้ป่วยสามารถฟังเข้าใจเป็นปกติ แต่ปัญหาด้านการพูดอาจส่งผลต่อการเข้าสังคม การศึกษา และการทำงาน หากพบว่ามีความผิดปกติทางด้านการพูดโดยหาสาเหตุไม่ได้หรือเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เพราะภาวะ Dysarthria อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ อาการกล้ามเนื้อในการพูดผิดปกติสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ทั้งนี้ Dysarthria มักเกิดในผู้ใหญ่ โดยความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นหากบุคคลนั้นเป็นโรคเรื้อรังทางสมองเนื่องจากสมองเสื่อมสภาพ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง โรคที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อและเส้นประสาท มีปัญหาในการดื่มแอลกอฮฮล์หรือใช้สารเสพติด หากแพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้อในการพูดผิดปกติ แพทย์จะประเมินด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การประเมินการพูด การขยับปาก ลิ้น และกล้ามเนื้อบนใบหน้า การทดสอบคุณภาพเสียงและจังหวะการหายใจ เป็นต้น หลังจากนั้น แพทย์อาจทำการตรวจร่างกายและอาการเกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการกล้ามเนื้อในการพูดผิดปกติ ได้แก่ แพทย์จะรักษาภาวะ Dysarthria ตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ โดยทั่วไป แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะใช้วิธีบำบัดทางด้านภาษาและการพูด เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาพูดได้ตามปกติ ช่วยพัฒนาทักษะทางการสื่อสาร ฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ปรับจังหวะการหายใจ ฝึกการเปล่งเสียง ฝึกการออกเสียงเพื่อปรับระดับเสียงและช่วยให้พูดได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในกรณีที่การบำบัดในลักษณะข้างต้นไม่ได้ผล ผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยสื่อสารด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การใช้ภาพและสีเพื่อสื่อความหมาย การใช้ท่าทาง หรือการใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางในการสื่อสาร เป็นต้น นอกจากนี้ หากอาการดังกล่าวส่งผลให้ผู้ฟังไม่เข้าใจในการสื่อสารของตนเองหรือคำพูดของตนเองเข้าใจยาก ผู้ป่วยอาจใช้เทคนิคในการพูดเข้ามาช่วย เพื่อสื่อสารกับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น เช่น ทั้งนี้ ความสำเร็จของการรักษาจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ ในแต่ละบุคคล เช่น บริเวณของสมองส่วนที่ได้รับความเสียหายหรือความผิดปกติของสมอง สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ หรือแม้แต่สภาพแวดล้อมที่ผู้ป่วยอยู่ เป็นต้น Dysarthria ก่อให้เกิดอุปสรรคทางด้านการสื่อสาร ส่งผลให้ผู้ป่วยอาจมีปัญหาด้านการเข้าสังคม กระทบต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือครอบครัว และอาจเกิดโรคซึมเศร้าร่วมด้วย อาการกล้ามเนื้อในการพูดผิดปกติขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงไม่มีวิธีป้องกันได้เต็มประสิทธิภาพ แต่สามารถลดความเสี่ยงได้โดยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดในสมองที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของ Dysarthria เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก รับประทานผักและผลไม้ ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ไขมันอิ่มตัว และระดับโซเดียมในอาหาร จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และควันบุหรี่ ไม่ควรใช้ยานอกเหนือจากคำสั่งแพทย์ และหากเป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับควรเข้ารับการรักษาและทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดความหมาย Dysarthria
อาการของ Dysarthria
สาเหตุของ Dysarthria
การวินิจฉัย Dysarthria
การรักษา Dysarthria
ภาวะแทรกซ้อนของ Dysarthria
การป้องกัน Dysarthria