Illness name: พังผืดที่ปอด
Description: โรคพังผืดที่ปอด (Pulmonary Fibrosis) คือโรคปอดชนิดหนึ่งที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อปอดจนเกิดแผลเป็นและพังผืด ซึ่งรบกวนการทำงานของระบบทางเดินหายใจ โดยส่งผลให้ถุงลมปอดทำหน้าที่แลกเปลี่ยนออกซิเจนเข้ากระแสเลือดได้ยากขึ้น และเป็นเหตุให้ผู้ป่วยรู้สึกหายใจไม่อิ่ม (Dyspnea หรือ Shortness of Breath) เมื่อกระบวนการส่งออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดทำได้ยากขึ้น ระดับออกซิเจนในเลือดของผู้ป่วยก็จะลดน้อยลง ซึ่งภาวะดังกล่าวเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรงอย่างระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และหัวใจล้มเหลวตามมา ในปัจจุบันการรักษาพังผืดที่ปอดทำได้เพียงชะลอและประคองอาการเท่านั้น เพราะพังผืดที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่สามารถรักษาให้เป็นเหมือนเดิมได้ ผู้ป่วยบางคนอาจยังไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมามากนัก แต่อาการที่เป็นสัญญาณแรกและมักพบได้บ่อยคืออาการหายใจไม่อิ่ม เนื่องจากพื้นที่การขยายตัวของถุงลมถูกจำกัดให้น้อยลงจากการจับตัวกันหนาของพังผืด โดยในช่วงแรกอาจเกิดขึ้นเฉพาะขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่เมื่อนานไปอาการจะเริ่มเกิดบ่อยขึ้นแม้ในตอนที่นั่งเฉย ๆ ส่วนอาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น ผู้ป่วยแต่ละคนจะมีระยะเวลาการทรุดตัวต่างกัน บางคนอาการอาจทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ในขณะที่บางคนอาจมีอาการคงที่เป็นระยะเวลาหลายปี โดยในกรณีที่ผู้ป่วยหายใจลำบากเฉียบพลัน แพทย์อาจแนะนำให้ติดเครื่องช่วยหายใจ จ่ายยาปฏิชีวนะหรือยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อช่วยประคองอาการและช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยหรือคนรอบข้างส่วนใหญ่จึงอาจเข้าใจผิดว่าอาการต่าง ๆ อย่างการหายใจลำบาก หรือเหนื่อยง่าย เป็นผลจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ดังนั้น หากพบคนใกล้ตัวโดยเฉพาะผู้สูงอายุมีอาการดังกล่าวและอาการไม่ดีขึ้น หรือพบอาการอื่น ๆ ที่กล่าวมาร่วมด้วย ควรรีบพาผู้ป่วยไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ ปัจจุบันโรคพังผืดที่พบได้มากที่สุดคือชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic Pulmonary Fibrosis) เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากมายที่สามารถทำให้เกิดพังผืดที่ปอด ส่วนโรคพังผืดที่พบสาเหตุนั้น มักเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ การทำงานหรือการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศสะสมเป็นเวลานานอาจทำให้ปอดถูกทำร้ายจากการสูดดมสารพิษ เช่น สารพิษจากควันบุหรี่ ฝุ่นจากแร่ใยหิน ฝุ่นเหล็ก ฝุ่นถ่าน ฝุ่นหิน ฝุ่นจากธัญพืช และมูลสัตว์ พังผืดที่ปอดอาจเป็นผลมาจากโรคเดิมอื่น ๆ ของผู้ป่วย เช่น การใช้รังสีรักษามะเร็งปอดหรือมะเร็งเต้านมอาจทำให้ปอดของผู้ป่วยได้รับความเสียหายและเกิดพังผืดตามมาได้ โดยความรุนแรงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณและระยะเวลาที่รับรังสี ชนิดและความรุนแรงของโรคปอดเดิมของผู้ป่วย หรือได้รับการทำเคมีบำบัดร่วมด้วย (Chemotherapy) เป็นต้น การใช้ยาบางชนิดอาจทำให้ปอดเกิดพังผืดหรือได้รับความเสียหาย เช่น เชื้อแบคทีเรียและไวรัสบางชนิดสามารถทำให้เกิดพังผืดได้ เช่น ไวรัสตับอักเสบ ซี (Hepatitis C) อะดีโนไวรัส (Adenovirus) ไวรัสเฮอร์พีส์ (Herpes Virus) แม้ผู้ป่วยจำนวนมากจะหาสาเหตุการเกิดพังผืดไม่พบ แต่ผู้ป่วยชนิดนี้บางคนก็มีอาการหรือจุดร่วมบางอย่างร่วมกัน เช่น แพทย์อาจใช้หลายวิธีในการวินิจฉัยโรคเนื่องจากมีความเป็นไปได้มากมายที่ทำให้เกิดพังผืดที่ปอด โดยเบื้องต้นแพทย์จะซักถามประวัติผู้ป่วยเพื่อหาความเป็นไปได้หรือปัจจัยเสี่ยงในการเกิดพังผืดที่ปอดร่วมกับการตรวจร่างกาย เช่น การฟังเสียงปอดขณะหายใจด้วยการใช้สเต็ตโทสโคป (Stethoscope) จากนั้นแพทย์จะเลือกวิธีการวินิจฉัยเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เช่น เป็นการตรวจวินิจฉัยโรคจากภาพถ่ายรังสี ช่วยให้เห็นภาพความเสียหายและพังผืดที่ปอด โดยแพทย์อาจใช้การเอกซเรย์ทรวงอกเพื่อตรวจหาพังผืดในบริเวณปอด หรือใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพื่อช่วยให้เห็นภาพปอดที่ละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีดังกล่าวอาจไม่เพียงพอต่อการวินิจฉัยสาเหตุของภาวะหายใจไม่อิ่ม แพทย์อาจใช้การทำเอ็กโคหัวใจ (Echocardiogram) ซึ่งเป็นการใช้คลื่นความถี่สูงตรวจวัดการทำงานของหัวใจและวัดความดันในหัวใจห้องล่างขวาร่วมด้วย แพทย์จะตรวจสมรรถภาพการทำงานของปอดด้วยวิธีสไปโรเมทรีย์ (Spirometry) โดยให้ผู้ป่วยหายใจออกแรง ๆ ผ่านท่อที่ติดอยู่กับตัวเครื่องเพื่อวัดความจุปอดและอัตราเร็วในการหายใจ จากนั้นแพทย์อาจตรวจเพิ่มเติมโดยการบันทึกการทำงานของปอดขณะให้ผู้ป่วยวิ่งบนสายพานหรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ (Exercise Stress Test) นอกจากนี้แพทย์อาจตรวจระดับออกซิเจนในเลือดของผู้ป่วยโดยใช้เครื่อง Pulse Oximeter ติดไว้ที่ปลายนิ้ว หรืออาจนำเลือดตัวอย่างจากเส้นเลือดแดงบริเวณข้อมือไปตรวจค่าออกซิเจนและค่าคาร์บอนไดออกไซด์ หากตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ แพทย์อาจเลือกตัดเนื้อเยื่อบางส่วนจากปอดเพื่อใช้ในการวินิจฉัยแยกโรค โดยสามารถตัดชิ้นเนื้อดังกล่าวผ่านการส่องกล้องเข้าไปในร่างกายหรือการผ่าตัดโดยตรงได้หลายวิธี เช่น ในการวินิจฉัยแยกโรค แพทย์อาจตรวจเลือดเพิ่มเติมเพื่อตรวจดูการทำงานของตับและไต รวมทั้งดูว่าผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจาง การติดเชื้อ หรือโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของภูมิคุ้มกันหรือไม่ เมื่อปอดเกิดพังผืดขึ้นมาแล้ว ปอดจะกลับคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้อีก ซึ่งการรักษาในปัจจุบันทำได้เพียงชะลอการเกิดพังผืดให้ช้าลงและช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นเท่านั้น โดยแพทย์จะเลือกวิธีการรักษาจากระดับความรุนแรงของอาการและสาเหตุการเกิดพังผืดของผู้ป่วยแต่ละคน เช่น เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากมายที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดพังผืดที่ปอด ชนิดของยาที่ใช้ในการรักษาจึงขึ้นอยู่กับสาเหตุของแต่ละคน เช่น ผู้ป่วยที่มีพังผืดที่ปอดมักพบภาวะระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ดังนั้นแพทย์อาจแนะนำการรักษาด้วยออกซิเจน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง (Pulmonary Hypertension) ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะหัวใจห้องล่างขวาล้มเหลวตามมาได้ นอกจากนี้การรักษายังช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกและหลับง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ป่วยแต่ละคนอาจรับการรักษาด้วยออกซิเจนไม่เท่ากัน เช่น ผู้ป่วยบางคนอาจรับออกซิเจนเฉพาะเวลานอนเท่านั้น ในขณะที่บางคนอาจต้องรับออกซิเจนตลอดเวลาหรือต้องพกถังออกซิเจนติดตัวไปด้วยตลอด เป็นต้น สำหรับผู้ป่วยที่ปอดไม่แข็งแรง วิธีนี้จะเน้นไปที่การช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้นด้วยการให้คำแนะนำในการหายใจเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของปอด คำปรึกษาด้านโภชนาการ วิธีการออกกำลังกาย หรือการแนะนำให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มบำบัดโรค หากอาการของผู้ป่วยอยู่ในขั้นรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาใด ๆ ที่กล่าวมา แพทย์อาจเลือกวิธีการปลูกถ่ายปอดในการรักษา อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยต้องใช้การรักษาด้วยวิธีนี้ แพทย์จะแจ้งให้คนไข้ทราบถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากร่างกายอาจเกิดการติดเชื้อหรือเกิดภาวะต่อต้านอวัยวะใหม่ได้ นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ผู้ป่วยยังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อลดโอกาสการเกิดพังผืดได้ด้วยตัวเอง เช่น การเกิดพังผืดที่ปอดจะทำให้ปอดส่งออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดได้น้อยลง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงมีภาวะระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ร่างกายอ่อนแรง ขาบวม เลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม หรือความดันหลอดเลือดปอดสูงจนทำให้หัวใจห้องขวาล้มเหลว ซึ่งเป็นภาวะที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีพังผืดที่ปอดเรื้อรังอาจเกิดภาวะภาวะซึมเศร้า ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดได้ เนื่องจากพังผืดที่ปอดส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ การป้องกันจึงอาจทำได้ยาก แต่ผู้ป่วยชนิดนี้ส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดังนั้นจึงอาจหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ด้วยการงดสูบบุหรี่หรือสูดดมควันบุหรี่ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอเพื่อป้องกันปอดจากการถูกมลพิษทำร้ายความหมาย พังผืดที่ปอด
อาการของโรคพังผืดที่ปอด
สาเหตุของโรคพังผืดที่ปอด
การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศสะสมเป็นเวลานาน
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น
การฉายรังสีรักษา
การใช้ยาบางชนิด
การติดเชื้อ
ความเป็นไปได้อื่น ๆ
การวินิจฉัยพังผืดที่ปอด
การใช้ภาพวินิจฉัย (Imaging Tests)
การตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary Function Tests)
การตัดเนื้อเยื่อปอดไปตรวจ
การตรวจเลือด
การรักษาพังผืดที่ปอด
การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยออกซิเจน
การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด
การปลูกถ่ายปอด
การดูแลตนเอง
ภาวะแทรกซ้อนของพังผืดที่ปอด
การป้องกันพังผืดที่ปอด