Illness name: คางทูม
Description: คางทูม (Mumps) เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ ที่ติดเชื้อไวรัสจากคนสู่คน โดยสัมผัสละอองน้ำลายของผู้ที่ติดเชื้อได้จากการไอหรือจาม ไวรัสจะเคลื่อนจากระบบทางเดินหายใจไปยังต่อมน้ำลายบริเวณข้างหู เมื่อต่อมนี้เกิดการอักเสบจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและบวมแดง นอกจากนี้ ถ้าไวรัสแพร่กระจายเข้าสู่น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังแล้ว ก็อาจจะแพร่ไปที่อื่นในร่างกายส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ภาวะแทรกซ้อนในระบบสืบพันธุ์ อาการของโรคคางทูม โรคคางทูมจะมีอาการผิดปกติที่สังเกตได้คือ ต่อมน้ำลายบริเวณข้างหูเจ็บและบวมอย่างเห็นได้ชัด และปรากฏอาการเบื้องต้นของโรคดังต่อไปนี้ สาเหตุของโรคคางทูม สาเหตุของโรคคางทูมเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า มัมส์ (Mumps) เป็นไวรัสที่อยู่ในอากาศ สามารถแพร่กระจายได้โดยการไอ จาม เหมือนโรคหวัด หรือสัมผัสละอองของเหลวทั้งน้ำลายและน้ำมูกจากผู้ป่วยที่อาจแฝงอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ หรือแม้แต่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้เป็นโรคนี้ ผู้ป่วยส่วนมากจะแพร่เชื้อก่อนมีอาการบวมของต่อมน้ำลายบริเวณข้างหู 2-3 วัน โดยเชื้อไวรัสนี้จะเคลื่อนจากระบบทางเดินหายใจตั้งแต่จมูก ปาก ลำคอ ไปยังต่อมน้ำลายบริเวณข้างหูข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง โดยปกติแล้วโรคนี้จะมีระยะฟักตัวอยู่ที่ประมาณ 16-18 วัน แต่ในบางรายอาจมีระยะฟักตัวนานถึง 25 วัน พบมากในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเด็กที่มีอายุ 5-9 ปี จะมีอัตราการป่วยสูงที่สุด หรือกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน การวินิจฉัยโรคคางทูม โรคคางทูม ปกติแล้วมักจะรักษาตามอาการหากยังไม่ได้เป็นอะไรรุนแรงหรือพบอาการแทรกซ้อน โดยแพทย์อาจวินิจฉัยด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ การรักษาโรคคางทูม การรักษาโรคคางทูมในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ แต่สามารถทำได้โดยบรรเทาอาการและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นและหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน แต่เมื่อรักษาตามอาการแล้วไม่ดีขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงขึ้นได้ ภาวะแทรกซ้อนของโรคคางทูม โรคคางทูมสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง เช่น การป้องกันโรคคางทูม การป้องกันโรคคางทูมสามารถทำได้โดยการฉีดวัคซีน MMR (Measles-Mumps-Rubella Vaccine) เป็นการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ขนาด 0.5 มิลลิลิตร บริเวณกึ่งกลางต้นขาด้านหน้าในเด็กหรือต้นแขนในผู้ใหญ่ ซึ่งจะสามารถป้องกันได้ถึง 95% การรับวัคซีนจะเกิดขึ้นทั้งหมด 2 ครั้ง คือ ในปี พ.ศ. 2556 กระทรวงสาธารณะสุข ประเทศไทย มีการแนะนำให้เปลี่ยนการฉีดวัคซีน MMR ครั้งที่ 2 จากเด็กอายุ 4-6 ปี เลื่อนเข้ามาเป็นอายุ 2 ½ ปี เพื่อเร่งการสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กที่ได้รับวัคซีนครั้งแรกในอายุ 9 เดือนแล้วไม่ได้ผล ส่วนในภาคเอกชน สำหรับเด็กที่รับวัคซีน MMR ครั้งแรกที่อายุ 12 เดือน อาจรับวัคซีนครั้งที่ 2 ที่อายุ 2 ½ ปี หรือ 4-6 ปีตามปกติก็ได้ ทุกคนสามารถช่วยกันลดการแพร่กระจายของโรคคางทูมได้ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ ความหมาย คางทูม