Illness name: โลน 2
Description: โลน (Pediculosis Pubis หรือ Pubic Lice) คือแมลงขนาดเล็กที่อยู่ในกลุ่มของปรสิต และอาศัยอยู่กับร่างกายมนุษย์ พบได้มากที่สุดบริเวณอวัยวะเพศ แต่ก็อาจพบที่บริเวณอื่น ๆ ของร่างกายได้เช่นกัน ทั้งนี้โลนสามารถติดต่อกันได้ผ่านการมีกิจกรรมทางเพศทุกชนิด ตัวโลนที่พบได้ในร่างกายมนุษย์มีทั้งหมด 3 ระยะ คือ
อาการของโลน อาการของโลนจะเริ่มแสดงออกในไม่กี่สัปดาห์หลังจากผู้ป่วยติดโลนมาจากผู้อื่น ซึ่งอาการในผู้หญิงและผู้ชายจะคล้ายกัน ที่เห็นชัดเจนคือ อาการคันบริเวณอวัยวะเพศ บริเวณทวารหนัก หรืออาจมีอาการคันที่บริเวณอื่น ๆ เช่น ใต้รักแร้ บริเวณที่มีขน เช่น ขา หน้าอก ท้อง หรือหลัง หนวด เครา คิ้ว หรือขนตา ประมาณ 5 วัน หลังจากการติดต่อครั้งแรก และจะยิ่งมีอาการคันมากขึ้นในเวลากลางคืน นอกจากนี้ ยังอาจพบอาการอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น
สาเหตุของโลน สาเหตุของอาการนี้เกิดจากปรสิตขนาดเล็กที่มีชื่อว่า โลน (Pubic Lice) ซึ่งเป็นแมลงที่ไม่สามารถบิน หรือกระโดดได้ และต้องการเลือดมนุษย์เพื่อดำรงชีวิต โลนติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่น การกอด จูบ แต่ที่มักพบได้บ่อยที่สุดคือการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่สำคัญคือโลนไม่สามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัย หรือการใช้ยาคุมกำเนิด โลนมักพบได้ในเฉพาะในผู้ใหญ่ หรือวัยที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้แล้ว แต่ถ้าพบในเด็กนั่นอาจเป็นสัญญาณของการถูกล่วงละเมิดทางเพศ นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจผิดว่าโลนติดต่อกันได้เพียงเพราะไม่ดูแลรักษาความสะอาด ท้ั้งที่จริงแล้วโลนติดต่อกันได้แม้จะมีการดูแลรักษาความสะอาดที่ดีแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ความเชื่อที่ว่า การใช้ของที่เป็นผ้าร่วมกัน หรือการใช้ห้องน้ำสาธารณะสามารถทำให้ติดโลนได้นั้น จริงๆ แล้วเกิดขึ้นได้น้อย เนื่องจากโลนจะมีชีวิตอยู่ได้ต้องพึ่งพาเลือดของมนุษย์เป็นอาหารและต้องอยู่ในอุณหภูมิร่างกายมนุษย์จึงดำรงชีวิตได้ การวินิจฉัยโลน ในเบื้องต้นผู้ป่วยอาจสังเกตว่าอยู่ในภาวะติดโลนหรือไม่ โดยดูจากตัวโลนหรือไข่ของโลนบริเวณขนลับ หรือบริเวณอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น ขนคิ้ว ขนตา หนวด เครา ใต้รักแรก ขาหนีบ หรือลำตัวว่ามีหรือไม่ แต่มักจะพบได้ยากเนื่องจากปริมาณตัวโลนที่อยู่บนร่างกายผู้ป่วยอาจมีน้อย หากไม่มั่นใจว่าตนเองติดโลนหรือไม่ ควรไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยแพทย์จะซักประวัติเกี่ยวกับอาการที่มี และปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการติดโลน และตรวจร่างกายบริเวณอวัยวะเพศ อาจใช้แว่นขยายส่องหาตัวโลน และไข่ของโลน หากพบว่ามีตัวโลนอาศัยอยู่ภายในร่างกาย แพทย์จะวางแผนรักษาต่อไป การรักษาโลน โดยทั่วไปแล้วโลนสามารถรักษาให้หายได้ด้วยแชมพู โลชั่น หรือครีมที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการกำจัดแมลงจำพวกโลนหรือเหา โดยแพทย์หรือเกสัชจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผู้ใช้มากที่สุด ผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และเอกสารกำกับยา ตัวยาที่ใช้ได้แก่ เพอร์เมทริน (Permethrin) ซึ่งมีวิธีการใช้ดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ ยังมียาชนิดอื่น ๆ ที่มักใช้ในการรักษาหากยาเพอร์เมทรินใช้ไม่ได้ผล ได้แก่
อีกทั้งในระหว่างการรักษา ผู้ป่วยจำเป็นต้องดูแลตัวเอง รักษาความสะอาดด้วยการซักผ้าและเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิ 50 องศาขึ้นไป เพื่อกำจัดตัวโลนที่เกาะอยู่ตามผ้า และพ่นสเปรย์ป้องกันตัวโลนลงบนเครื่องใช้ที่เป็นผ้า จากนั้นนำผ้าไปใส่ถุงพลาสติกที่ปิดแน่นทิ้งไว้ 10-14 วันเพื่อกำจัดตัวโลนและป้องกันไม่ให้มีตัวโลนเกาะซ้ำ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการมีกิจกรรมทางเพศจนกว่าจะรักษาหาย เพื่อป้องกันการติดต่อของโลน และควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เพราะผู้ที่ติดโลนอาจเสี่ยงติดโรคเหล่านี้ได้ ภาวะแทรกซ้อนของโลน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ อาการแทรกซ้อนที่มักพบในผู้ติดโลน คือ
การป้องกันโลน โลน เป็นอาการที่ป้องกันได้ ด้วยการหลีกเลี่ยงจากความเสี่ยงในการติดโลน ปฏิบัติได้ง่าย ๆ ดังนี้
ความหมาย โลน
โลนสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาที่มีฤทธิ์ในการกำจัดโลน และเหา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยาชนิดทา โดยมักใช้เพียง 1-2 ครั้ง ก็จะหายเป็นปกติ หากกำจัดถูกวิธีและตอบสนองต่อยาที่ใช้
นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีอาการคันมาก ๆ อาจทำให้เผลอเกาจนกลายเป็นแผล หรือเกิดการติดเชื้อได้ ทั้งนี้ หากมีโลนอาศัยอยู่บริเวณขนตาอาจเสี่ยงต่ออาการเยื่อบุตาอักเสบได้อีกด้วย
การรักษาด้วยยาครั้งแรกมักจะเป็นการกำจัดตัวโลนที่อยู่ในร่างกาย ดังนั้น ไข่ที่ยังไม่ฟักจึงไม่ถูกทำลาย ภายหลังการใช้ยาครั้งแรก 3-7 วัน จึงควรใช้ซ้ำเพื่อกำจัดตัวโลนที่เพิ่งออกมาจากไข่ แต่หากใช้ยาซ้ำเป็นครั้งที่ 2 แล้วอาการยังไม่ทุเลาลง หรือการรักษาไม่ได้ผล ควรกลับไปปรึกษาแพทย์ และไม่ควรใช้ยาซ้ำเพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ เช่น ผิวหนังระคายเคือง มีอาการคัน ผิวหนังแดง หรือปวดแสบปวดร้อน เป็นต้น
ในกรณีที่มีตัวโลนอาศัยอยู่บริเวณขนตา ซึ่งพบได้น้อย สามารถนำตัวโลนออกได้ด้วยการใช้เล็บหรือหวีสาง แต่ต้องใช้ยาเพื่อรักษาให้หายขาดด้วย ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ในเรื่องการรักษา แพทย์จะสั่งยาชนิดทาซึ่งเป็นยาใช้เฉพาะที่บริเวณดวงตาเพื่อให้ผู้ป่วยใช้ทาบริเวณขอบตา วันละ 2 -4 ครั้ง ติดต่อกัน 10 วัน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้วาสลีนที่ใช้ทั่วไปเพราะอาจทำให้ดวงตาระคายเคืองได้
หากอาการไม่รุนแรงมากนัก อาจไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่หากเกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนัง หรือเจ็บตาอย่างรุนแรงควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาจะดีที่สุด