Illness name: มะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช
Description: มะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมา Nonmelanoma (มะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมา) เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดอื่น ๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่ามะเร็งผิวหนังแบบเมลาโนมา โดยเซลล์มะเร็งมักเกิดขึ้นในผิวหนังชั้นนอกและโตค่อนข้างช้า อาการระยะเริ่มต้นอาจสังเกตเห็นเป็นก้อนนูนหรือรอยบนผิวหนัง ซึ่งมีสีผิดปกติ โดยก้อนนูนหรือรอยนั้นมักเกิดขึ้นนานเกิน 2-3 สัปดาห์ และมีขนาดใหญ่ขึ้น มะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมาแบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยประเภทที่พบได้บ่อย มีดังนี้ มะเร็งผิวหนังชนิดเบซาลเซลล์ (Basal Cell Carcinoma: BCC) BCC เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งมีผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังประมาณ 75-80 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นมะเร็งชนิดนี้ โดยเซลล์มะเร็งจะเกิดขึ้นที่เซลล์เบซาลของชั้นหนังกำพร้า ส่วนใหญ่มักพบบริเวณผิวหนังที่สัมผัสแสงแดดบ่อย ๆ อย่างศีรษะ ใบหน้า และลำคอ BCC มักโตขึ้นอย่างช้า ๆ และมีโอกาสค่อนข้างน้อยที่จะลุกลามสู่ส่วนอื่นในร่างกาย แต่หากปล่อยไว้และไม่รีบเข้ารับการรักษา เซลล์มะเร็งอาจแพร่กระจายสู่เนื้อเยื่อข้างเคียงได้ มะเร็งผิวหนังชนิดสความัสเซลล์ (Squamous cell carcinoma: SCC) SCC เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดที่พบได้บ่อยรองจาก BCC ซึ่งมีผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เป็นมะเร็งชนิดนี้ โดยเซลล์มะเร็งจะเกิดขึ้นที่เซลล์สความัสของชั้นหนังกำพร้า ส่วนใหญ่มักพบบริเวณที่โดนแสงแดดเป็นประจำ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นที่ผิวหนังบริเวณอื่นด้วย เช่น ผิวหนังที่มีแผลหรือการอักเสบ อย่างแผลเป็น แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลเรื้อรังที่ไม่ได้รับการรักษา บริเวณทวารหนักและช่องคลอด เป็นต้น แม้ SCC จะคล้ายกับ BCC แต่ SCC มักโตเร็วกว่าและลุกลามลงไปยังชั้นผิวหนังที่ลึกกว่า ดังนั้น หากพบว่าผิวหนังของตนเองมีลักษณะผิดปกติก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะ SCC ในระยะที่ยังไม่ลุกลามหรือที่เรียกว่าโรคโบเวนนั้นไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากปล่อยทิ้งไว้ เซลล์มะเร็งอาจแพร่กระจายสู่เนื้อเยื่อข้างเคียงหรือชั้นผิวหนังที่อยู่ลึกลงไปได้ ซึ่งส่งผลให้รักษายากยิ่งขึ้น อาการของ Nonmelanoma สัญญาณแรกของ Nonmelanoma มักเป็นการเกิดก้อนนูนสีแดงและแข็งบริเวณผิวหนัง ซึ่งบางครั้งอาจแตกเป็นแผลตามมา หรืออาจเป็นรอยที่มีสีผิดปกติ อย่างสีแดง น้ำตาล หรือชมพู และมีสะเก็ดแผล โดยก้อนนูนหรือรอยนั้นมักเกิดขึ้นนานเกิน 2-3 สัปดาห์ และค่อย ๆ มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี ทั้งนี้ Nonmelanoma มักเกิดขึ้นกับผิวหนังบริเวณที่โดนแสงแดดเป็นประจำ เช่น ใบหน้า หู หน้าอก หัวไหล่ มือ และหลัง เป็นต้น ดังนั้น หากพบว่าผิวหนังของตนเองมีตุ่มนูนหรือรอยผิดปกติ และอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้นภายใน 4 สัปดาห์ ให้ไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด สาเหตุของ Nonmelanoma ในปัจจุบันยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุที่ก่อให้เกิด Nonmelanoma ได้อย่างชัดเจน แต่แพทย์เชื่อว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังให้สูงขึ้น ดังนี้ รังสีอัลตราไวโอเล็ต รังสีอัลตราไวโอเล็ตหรือรังสียูวี ไม่ว่าจะเป็นรังสียูวีจากแสงแดดหรือเครื่องทำผิวแทน จัดเป็นปัจจัยหลักที่อาจก่อให้เกิด Nonmelanoma ซึ่งผู้ที่ต้องสัมผัสกับรังสียูวีเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง จะเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังแบบ Nonmelanoma มากกว่าคนทั่วไป สีผิว เมลานินเป็นเม็ดสีที่ผิวหนัง ซึ่งทางการแพทย์เชื่อว่าสารนี้มีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ แต่ผู้ที่มีผิวขาว มีสีตาและสีผมอ่อน รวมถึงผู้ป่วยโรคผิวเผือก จะมีเมลานินอยู่ที่ผิวในปริมาณน้อย จึงอาจเสี่ยงเป็น Nonmelanoma มากกว่าคนที่มีสีผิว สีตา และสีผมเข้มกว่า โดยคนผิวขาวที่เคยถูกแดดเผาอย่างรุนแรงตั้งแต่อายุยังน้อยอาจมีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดนี้สูงขึ้น ปัจจัยอื่น ๆ นอกจากการเผชิญกับรังสียูวีและลักษณะของสีผิวแล้ว ยังมีปัจจัยสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิด Nonmelanoma เช่น การวินิจฉัย Nonmelanoma ผู้ที่พบก้อนนูนหรือรอยผิดปกติตามผิวหนัง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ ซึ่งวิธีการวินิจฉัย Nonmelanoma มีดังนี้ การซักถามและตรวจตามผิวหนังในเบื้องต้น ในขั้นแรก แพทย์จะตรวจดูลักษณะของผิวหนัง สอบถามถึงอาการผิดปกติ ประวัติทางการแพทย์ และพฤติกรรมเสี่ยง หากพบว่ามีสัญญาณบ่งชี้ของ Nonmelanoma จะส่งต่อผู้ป่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งผิวหนังวินิจฉัยด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติม การตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจ เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก โดยแพทย์จะตัดผิวหนังและเนื้อเยื่อส่วนที่ผิดปกติบางส่วนหรือทั้งหมด แล้วนำไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อวินิจฉัยชนิดของเซลล์มะเร็ง และประเมินโอกาสที่เซลล์มะเร็งจะลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย การวินิจฉัยเพิ่มเติม หลังจากตัดชื้นเนื้อส่งตรวจ ผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็น BCC ส่วนใหญ่มักไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติม เพราะมะเร็งชนิดนี้มีโอกาสลุกลามค่อนข้างน้อย แต่ผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็น SCC ซึ่งเซลล์มะเร็งมีโอกาสลุกลามสู่ต่อมน้ำเหลืองและส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย มักจำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจดูต่อมน้ำเหลืองแต่ละจุดเพิ่มเติม หากมีภาวะต่อมน้ำเหลืองโต แพทย์อาจพิจารณาใช้เข็มขนาดเล็กเจาะต่อมน้ำเหลือง เพื่อดูดเซลล์ไปตรวจหามะเร็งโดยการใช้กล้องจุลทรรศน์ การรักษา Nonmelanoma การรักษา Nonmelanoma สามารถทำได้หลายวิธี โดยผู้ป่วยแต่ละรายอาจได้รับการรักษาแตกต่างกันไปตามชนิดและระดับความรุนแรงของมะเร็งเป็นหลัก เช่น การผ่าตัด จัดเป็นวิธีหลักที่แพทย์ใช้รักษา Nonmelanoma ซึ่งการผ่าตัดมีอยู่หลายรูปแบบ และผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องรับการผ่าตัดมากกว่า 1 วิธี เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งให้หมดไป ดังนี้ รังสีรักษา เป็นการยิงรังสีไปที่เซลล์มะเร็งและเนื้อเยื่อโดยรอบ เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งนั้น ๆ ซึ่งเป็นวิธีที่แพทย์มักใช้กับผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม หรือใช้ทำลายเซลล์มะเร็งในจุดที่ยากต่อการผ่าตัด รวมถึงเซลล์มะเร็งที่ยังเหลืออยู่หลังจากผ่าตัด การยิงแสงเลเซอร์ ทำโดยให้สารเคมีที่ทำให้เซลล์ร่างกายไวต่อแสงเข้าไปในตัวผู้ป่วย แล้วยิงแสงเลเซอร์ไปที่เซลล์มะเร็ง เพื่อกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งเนื้อเยื่อปกติโดยรอบจะไม่เกิดปฏิกิริยาทำลายเซลล์ไปด้วยแต่อย่างใด แพทย์มักใช้วิธีนี้ทำลายเซลล์มะเร็งที่ยังเหลืออยู่หลังจากผ่าตัดหรือกำจัดเซลล์มะเร็งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนจากภายนอกไปแล้ว การใช้ยา ยาที่ใช้รักษา Nonmelanoma มีหลายชนิด ผู้ป่วยแต่ละรายอาจได้รับยาต่างชนิดกันไป ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เป็นหลัก ซึ่งยาที่ใช้ในการรักษามะเร็งชนิดนี้ อาจเป็นรูปแบบครีมหรือเจลสำหรับทาภายนอก และเป็นยาสำหรับรักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง ซึ่งมีคุณสมบัติหยุดการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง รวมถึงยาเคมีบำบัด ซึ่งมีฤทธิ์เข้าทำลายเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย ภาวะแทรกซ้อนของ Nonmelanoma โดยส่วนใหญ่เซลล์มะเร็งชนิดนี้มักไม่ลุกลาม แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รีบทำการรักษา อาจทำให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณข้างเคียงและอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย อย่างกระดูก ต่อมน้ำเหลือง และปอด ซึ่งส่งผลให้การรักษาทำได้ยากยิ่งขึ้น และอาจทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาลดลงไปด้วย การป้องกัน Nonmelanoma แม้ในทางการแพทย์ปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีใด ๆ ที่สามารถป้องกัน Nonmelanoma ได้ แต่คนทั่วไปสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดนี้ได้ โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะการเผชิญกับแสงแดด ดังนี้ความหมาย มะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมา