Illness name: โลหิตจางจากการขาดธาตุเ
Description: โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia) คือ ภาวะที่ร่างกายมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติจากการขาดธาตุเหล็ก ส่งผลให้ออกซิเจนในร่างกายไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณต่าง ๆ ไม่เพียงพอและเกิดอาการต่าง ๆ ตามมา เช่น อ่อนเพลีย ผิวหนังซีด หรือหายใจไม่อิ่ม เป็นต้น โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ระบบการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกายมีปัญหา การตั้งครรภ์ หรือการเสียเลือด เป็นต้น ถือเป็นภาวะโลหิตจางชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย ในช่วงแรกผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กอาจไม่พบการเกิดอาการผิดปกติใด ๆ หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ได้แก่ อ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่ายกว่าปกติแม้จะเป็นการทำกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวัน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ใจสั่น ไม่มีสมาธิ การตอบสนองหรือคิดวิเคราะห์ช้าลง แต่หากร่างกายขาดธาตุเหล็กเป็นเวลานานจนส่งผลให้ภาวะโลหิตจางรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจเกิดอาการอื่น ๆ ตามมา โดยอาการที่มักพบได้ เช่น เนื่องจากภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ หากพบว่าเริ่มมีอาการดังกล่าว ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีอาการอื่น ๆ อย่างอุจจาระมีสีเข้มหรือมีเลือดปน ประจำเดือนมามาก ปวดบริเวณท้องส่วนบน หรือน้ำหนักตัวลด นอกจากนี้ ไม่ควรรับประทานธาตุเหล็กเสริมด้วยตัวเอง เนื่องจากการรับธาตุเหล็กมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อตับหรือส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ โดยทั่วไป ร่างกายจะต้องการธาตุเหล็กในการผลิตฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้นหากร่างกายมีธาตุเหล็กไม่เพียงพอต่อการผลิตฮีโมโกลบิน อาจส่งผลให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณต่าง ๆ ลดลง หรือเกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้ ทั้งนี้ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอาจมีโอกาสในการเกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กมากขึ้น เช่น ในเบื้องต้น แพทย์จะซักถามประวัติและอาการผิดปกติต่าง ๆ ของผู้ป่วย จากนั้นแพทย์จะตรวจเลือดเพื่อหาความผิดปกติต่าง ๆ เช่น หากผลการตรวจเลือดระบุว่าผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของการเกิดภาวะดังกล่าว เช่น อย่างไรก็ตามแพทย์อาจใช้วิธีการวินิจฉัยดังกล่าวเพิ่มเติมระหว่างการรักษา เพื่อติดตามผลการรักษาของผู้ป่วย เมื่อแพทย์วินิจฉัยพบว่าผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาเสริมธาตุเหล็กเพื่อเพิ่มระดับธาตุเหล็กในร่างกาย และทำการรักษาภาวะหรือโรคต่าง ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก ในการรับประทานยาเสริมธาตุเหล็ก ผู้ป่วยอาจต้องรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายเดือนเพื่อให้ระดับธาตุเหล็กในร่างกายกลับสู่ปกติ โดยแพทย์จะกำหนดปริมาณและวิธีการรับประทาน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างเหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไป แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานขณะท้องว่าง หรือหลีกเลี่ยงการรับประทานร่วมกับยาลดกรด อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาเสริมธาตุเหล็กพร้อมมื้ออาหาร หากผู้ป่วยมีอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรือหากผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยาลดกรด แพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาเสริมธาตุเหล็กก่อนรับประทานยาลดกรด 2 ชั่วโมง หรือหลังรับประทานยาลดกรด 4 ชั่วโมง นอกจากนี้แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานธาตุเหล็กร่วมกับวิตามินซี เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น หรือหากผู้ป่วยเกิดอาการข้างเคียงจากการรับประทานยาเสริมธาตุเหล็กอย่างอุจจาระมีสีดำหรือท้องผูก แพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับประทานยาระบายที่ช่วยให้อุจจาระนิ่มร่วมด้วย หากอาการของผู้ป่วยไม่ดีขึ้นแม้จะรับการรักษาด้วยการรับประทานยาเสริมธาตุเหล็กแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าภาวะขาดธาตุเหล็กอาจเกิดจากสาเหตุอื่น แพทย์จึงอาจรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การให้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานในกรณีที่ผู้ป่วยมีประจำเดือนมามาก การใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาอื่น ๆ สำหรับรักษาแผลในกระเพาะอาหาร หรือการผ่าตัดในกรณีที่ผู้ป่วยมีเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้หากผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กขั้นรุนแรง แพทย์อาจเลือกฉีดธาตุเหล็กผ่านทางหลอดเลือดดำของผู้ป่วย หรือให้เลือด (Blood Transfusions) เพื่อทดแทนธาตุเหล็กหรือการเสียเลือดในร่างกายทันที โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กไม่รุนแรงมักไม่เป็นอันตรายและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนใด ๆ แต่หากภาวะดังกล่าวไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพต่าง ๆ ได้ เช่น ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย แต่ในเบื้องต้น อาจลดความเสี่ยงได้โดยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก อย่างเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดง สัตว์ปีก อาหารทะเล ถั่ว ผักใบเขียว ผลไม้แห้ง ธัญพืช ขนมปัง หรือพาสต้า และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มหรืออาหารบางประเภทที่ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้น้อยลง อย่างชา กาแฟ นม ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ธัญพืชที่ผ่านการขัดสีน้อย หรืออาหารที่มีกรดไฟติกสูง นอกจากนี้อาจเลือกรับประทานอาหารหรือผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น เช่น ส้ม น้ำส้ม บรอกโคลี ฝรั่ง มะละกอ สับปะรด ผักใบเขียว สตรอว์เบอร์รี และมะเขือเทศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กอย่างทารก อาจยังไม่สามารถรับประทานอาหารได้หลากหลาย ดังนั้น ผู้ปกครองควรป้องกันภาวะดังกล่าว โดยให้ทารกที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี ดื่มนมแม่หรือนมสูตรเสริมธาตุเหล็ก และอาจให้ทารกที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน รับประทานธัญพืชหรือเนื้อสัตว์บดอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน เมื่อทารกมีอายุเกิน 1 ปี ควรเริ่มจำกัดปริมาณนม เพื่อให้ทารกรับประทานอาหารที่หลากหลายความหมาย โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia)
อาการของโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
สาเหตุของโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
การวินิจฉัยโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
การรักษาโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
การรับประทานยาเสริมธาตุเหล็ก
การรักษาโรคหรือภาวะที่อาจเป็นสาเหตุของภาวะขาดธาตุเหล็ก
ภาวะแทรกซ้อนของโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
การป้องกันโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก