Illness name: Botulism
Description: Botulism หรือโรคโบทูลิซึม เกิดจากการได้รับสารพิษโบทูลินัมจากเชื้อแบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ส่วนใหญ่มักเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ หรือผ่านทางบาดแผลที่มีรอยเปิดบนผิวหนัง โดยสารพิษดังกล่าวจะสร้างความเสียหายแก่ระบบประสาท ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หากไม่รีบไปพบแพทย์ก็อาจทวีความรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ระยะเวลาในการแสดงอาการของโรคโบทูลิซึมค่อนข้างแตกต่างกันในแต่ละราย ผู้ป่วยบางคนอาจเริ่มมีอาการหลังจากได้รับเชื้อแบคทีเรียเพียง 6 ชั่วโมง ทว่าบางคนอาจใช้เวลานานถึง 10 วัน โดยสารพิษโบทูลินัมจากเชื้อแบคทีเรียจะสร้างความเสียหายแก่ระบบประสาท ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง มักเกิดขึ้นที่ใบหน้าเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงลุกลามลงไปยังลำคอและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โรค Botulism อาจมีอาการบ่งชี้อื่น ๆ เกิดขึ้นร่วมด้วย ดังนี้ โดยปกติแบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัมมักปนเปื้อนอยู่ตามสิ่งแวดล้อมอย่างในดินและตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ในสภาวะปกติเชื้อแบคทีเรียนี้มักอยู่ในรูปของสปอร์ ทว่าเมื่ออยู่ในสภาวะไร้ออกซิเจน เช่น ภายในอาหารกระป๋อง หรืออาหารที่หมักดองในภาชนะปิดสนิท เป็นต้น เชื้อนี้จะผลิตสารพิษโบทูลินัม (ฺBotulinum) ขึ้นมา หากสารพิษเข้าสู่ร่างกายแม้ในปริมาณเล็กน้อย อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัมสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายช่องทาง ทางการแพทย์จึงแบ่งโรคโบทูลิซึมออกเป็น 4 ชนิด ตามปัจจัยที่ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ดังนี้ หากพบว่าตนหรือคนใกล้ชิดมีอาการของโรค Botulism ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดและรับการรักษาอย่างเหมาะสม เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้อาการรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต โดยแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคโบทูลิซึมด้วยวิธีต่อไปนี้ ทั้งนี้ อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หรือกลุ่มอาการกีแยงบาร์เร เป็นต้น แพทย์จึงอาจแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการทดสอบด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อประเมินสาเหตุและยืนยันผลการวินิจฉัยให้แน่ชัด เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyography: EMG) การถ่ายภาพเพื่อดูความผิดปกติในสมอง การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง เป็นต้น ผู้ป่วยโรคโบทูลิซึมจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งแพทย์จะรักษาตามชนิดของโรค โดยวิธีรักษาที่อาจนำมาใช้ มีดังนี้ ประเมินสภาวะการหายใจ ในขั้นแรกแพทย์จะประเมินสภาวะการหายใจของผู้ป่วย หากไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้หรือหายใจลำบาก อาจจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ นอกจากนั้น แพทย์จะงดให้น้ำและอาหารทางปากแก่ผู้ป่วย เพื่อป้องกันผู้ป่วยสำลักน้ำหรืออาหารลงปอด การใช้ยา ยาที่แพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทาน ได้แก่ การบำบัด เมื่ออาการป่วยเริ่มคงที่ แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดเพื่อฟื้นฟูการทำงานด้านต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น การกลืน การพูด การเคลื่อนไหวแขนและขา เป็นต้น ผู้ป่วยที่รีบไปพบแพทย์ตั้งแต่อาการยังไม่รุนแรงมักมีโอกาสรอดชีวิตสูง และฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้นโดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจไม่สามารถหายเป็นปกติได้โดยสมบูรณ์ เพราะส่วนใหญ่มักมีปัญหาทางการหายใจในระยะยาว เช่น อาการหายใจถี่ หรือรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ เป็นต้น โรค Botulism ป้องกันได้ด้วยการลดความเสี่ยงการได้รับเชื้อแบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัมเข้าสู่ร่างกาย โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ความหมาย โรคโบทูลิซึม (Botulism)
อาการของโรคโบทูลิซึม
สาเหตุของโรคโบทูลิซึม
การวินิจฉัยโรคโบทูลิซึม
การรักษาโรคโบทูลิซึม
ภาวะแทรกซ้อนของโรคโบทูลิซึม
การป้องกันโรคโบทูลิซึม