Illness name: แพลง
Description: แพลง (Sprain) เป็นอาการบาดเจ็บของเอ็นกระดูก เนื่องจากการฉีกขาดหรือเหยียดตึงมากเกินไป ทำให้เกิดอาการเจ็บ ปวด หรือบวมตามมา สามารถเกิดได้กับหลายส่วนในร่างกาย ส่วนที่เกิดอาการแพลงได้มากที่สุด ได้แก่ อาการแพลง เมื่อเกิดอาการแพลงจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บและปวดบริเวณที่เกิดอาการทันที แต่บางรายอาจค่อย ๆ เกิดอาการเหล่านี้ขึ้นภายหลัง จากนั้นจะเกิดการบวมและรอยช้ำบริเวณผิวหนังตามมา ในบางครั้งอาจได้ยินเสียงดังในข้อขณะที่ได้รับการกระทบกระเทือนหรือบาดเจ็บ แต่หากอาการรุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถขยับหรือใช้งานข้อต่อได้ ทั้งนี้ อาการที่เกิดขึ้นอาจแตกต่างออกไปตามความรุนแรงของการได้รับบาดเจ็บในผู้ป่วยแต่ละราย อาการส่วนใหญ่มักจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน แต่อาการเจ็บหรือปวดอาจคงอยู่ได้นานเกือบสัปดาห์ หากผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้นหลังการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหรืออาการรุนแรงหนักกว่าเดิม เช่น คาดว่ากระดูกอาจหักหรือเอ็นฉีกขาด กดบริเวณกระดูกแล้วรู้สึกเจ็บ ขาหรือข้อต่อมีลักษณะที่ผิดรูปทรงไปจากเดิม รู้สึกชา ปวดอย่างรุนแรง ไม่สามารถเดินหรือลงน้ำหนักที่เท้าได้ อาการเหล่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที อาการแพลงสามารถแบ่งตามความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ 3 ระดับ คือ สาเหตุของอาการแพลง อาการแพลงอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่จะเป็นการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันจนทำให้ข้อต่อหรือเอ็นยึดเปลี่ยนตำแหน่งไปจากเดิม เช่น ลื่นล้ม โดนกระทบกระแทก เกิดจากการบิด หมุน หรือพลิกของข้อต่อ รวมไปถึงการทำกิจกรรมเดิมอย่างซ้ำ ๆ ในท่าทางที่ไม่ถูกลักษณะ โดยเหตุที่นำไปสู่การเกิดอาการแพลงได้บ่อยมักมาจาก การเล่นกีฬา อาการแพลงส่วนมากจะเกิดขึ้นได้เมื่อเกิดการปะทะอย่างรุนแรงในระหว่างการเล่นกีฬา บางรายไม่มีการอบอุ่นร่างกายหรือยืดกล้ามเนื้อก่อนเริ่มเล่น โดยเฉพาะผู้ที่เล่นกีฬาเป็นครั้งแรก จึงทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการตึงและบาดเจ็บได้ง่าย รวมไปถึงการฝึกซ้อมอย่างหนักจนกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ๆ ถูกใช้งานอย่างซ้ำ ๆ ในลักษณะเดิม นอกจากนี้ เด็กก็มีความเสี่ยงในการเกิดอาการแพลงได้ เนื่องจากสภาพร่างกายที่ยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ความเสี่ยงอื่น ๆ นอกเหนือจากการเล่นกีฬาที่พบว่าเป็นต้นเหตุของอาการแพลงที่เกิดขึ้นได้บ่อย ยังมีปัจจัยอื่นที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการแพลงขึ้นได้ง่าย เช่น การวินิจฉัยอาการแพลง แพทย์จะสอบถามประวัติทางการแพทย์ การใช้ยา ประวัติการบาดเจ็บ อาการผิดปกติที่เกิดขึ้น สถานการณ์ที่ทำให้เกิดอาการแพลง หรือมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นกับร่างกายร่วมด้วย เพราะความผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้มากจากอาการแพลงเป็นหลัก ตลอดจนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนมาพบแพทย์ จากนั้นจะเป็นการตรวจอื่น ๆ ดังนี้ การรักษาอาการแพลง อาการแพลงที่ไม่รุนแรงสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยใช้หลัก R.I.C.E. (Rest, Ice, Compress, Elevate) ซึ่งกำหนดโดยสถาบันแห่งชาติเพื่อความเป็นเลิศด้านสุขภาพและการแพทย์ของประเทศอังกฤษ หรือไนซ์ (National Institute for Health and Care Excellence: NICE) ประกอบด้วย หลังจากการปฐมพยาบาลในขั้นต้นแล้วอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ยังคงมีอาการปวด บวม หรือเจ็บอยู่ ผู้ป่วยควรเริ่มมีการเคลื่อนไหวหรือใช้อวัยวะส่วนนั้นให้มากขึ้น หากมีอาการปวดมากก็สามารถรับประทานยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์หรือที่รู้จักในชื่อยาเอ็นเสด (Non Steroidal Anti Inflammatory Drug: NSAIDs) เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด เช่น ยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) ยาพาราเซตามอล (Paracetamol/Acetaminophen) นาพรอกเซน (Naproxen) โดยต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพราะมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงและอาการแพ้ยาขึ้น ก่อนกลับไปทำกิจกรรมปกติควรต้องรอจนกว่าอาการหายดี และมีการฟื้นฟูข้อต่อและกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรงก่อนเริ่มเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายบางประเภท โดยผู้ป่วยสามารถขอคำปรึกษาจากนักกายภาพบำบัด แพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่เคยบาดเจ็บบริเวณเดิมซ้ำ ๆ หลายครั้ง และมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น เอ็นเกิดการฉีกขาดจนไม่สามารถลงน้ำหนักที่ขาหรือขยับเขยื้อนข้อต่อได้ เกิดการติดเชื้อโดยสังเกตได้จากมีไข้ขึ้น บริเวณผิวหนังเกิดการบวมแดงร้อน หรือเกิดอาการแพลงขั้นรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที การรักษาอื่น ๆ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากขึ้นอาจต้องเข้ารับการรักษาเพิ่มเติม เช่น ภาวะแทรกซ้อนของอาการแพลง อาการแพลงมักไม่ค่อยก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงขึ้น แต่หากผู้ป่วยปล่อยให้เกิดอาการแพลงขึ้นบ่อยครั้งโดยไม่รักษาให้หายอย่างต่อเนื่อง หรือกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระทบกระเทือนต่อบริเวณที่มีอาการแพลงเร็วเกินไป ก็อาจมีอาการปวดอย่างเรื้อรัง หรือพัฒนาความรุนแรงกลายเป็นโรคข้ออักเสบได้ การป้องกันอาการแพลง การบาดเจ็บอาจเกิดขึ้นได้บ่อยในชีวิตประจำวันและมาจากหลายสาเหตุ การปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพลงได้ ความหมาย แพลง