Illness name: มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
Description: มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ คือ ภาวะที่เซลล์เยื่อบุผิวด้านในของกระเพาะปัสสาวะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วผิดปกติจนกลายเป็นเนื้อร้าย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะปนเลือด เจ็บขณะปัสสาวะ และเจ็บปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน แม้ว่าโรคนี้อาจรักษาให้หายได้หากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ แต่อาจกลับมาเป็นซ้ำได้เช่นกัน ผู้ป่วยจึงควรไปพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติปี 2558 พบว่าผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะรายใหม่ส่วนมากมีอายุสูงกว่า 55 ปี และผู้ชายมีอัตราป่วยมากกว่าผู้หญิงถึง 3 เท่า โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่ ซึ่งมะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดที่พบบ่อย ได้แก่ นอกจากนี้ ยังมีมะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดอื่น ๆ เช่น มะเร็งชนิดต่อม (Adenocarcinoma) มะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (Small Cell Carcinoma) และมะเร็งชนิดเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Sarcoma) แต่เป็นชนิดที่พบได้น้อยมาก อาการของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการสำคัญของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ คือ ปัสสาวะปนเลือด ซึ่งมักมีสีแดงอ่อนหรือสีคล้ายเครื่องดื่มโคล่า หรือพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะเมื่อแพทย์ส่งตรวจ โดยผู้ป่วยมักไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ หรืออาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ เจ็บอุ้งเชิงกราน ปวดหลัง ปัสสาวะบ่อย ปวดปัสสาวะเฉียบพลัน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปัสสาวะไม่ออก และปวดท้อง ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจมีเฉพาะบางอาการขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็งด้วย แต่หากมีปัสสาวะปนเลือด ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์ทันที นอกจากนี้ หากมะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลังส่วนล่าง ปวดกระดูก คลำพบต่อมน้ำเหลืองโต เท้าบวม อ่อนเพลีย น้ำหนักลด และเบื่ออาหารร่วมกับอาการข้างต้นด้วย มะเร็งกระเพาะปัสสาวะมี 4 ระยะ ซึ่งแต่ละระยะมีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน ดังนี้ สาเหตุของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคที่ไม่มีสาเหตุแน่ชัด แต่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ การวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ผู้ป่วยที่มีอาการเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะต้องไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยโรค โดยแพทย์มักซักประวัติ ตรวจร่างกายเบื้องต้น รวมทั้งใช้มือสัมผัสก้อนที่อาจเป็นเนื้อมะเร็งทางช่องคลอดหรือทวารหนักของผู้ป่วย และอาจส่งตรวจเพิ่มเติม ดังนี้ การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค รวมทั้งสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยด้วย ซึ่งแพทย์มักใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เคมีบำบัด เป็นการใช้ยารักษาโรคมะเร็ง แพทย์มักใช้ยาอย่างน้อย 2 ชนิดร่วมกัน โดยแพทย์จะฉีดยาเข้ากระเพาะปัสสาวะผ่านทางสายสวนเพื่อรักษามะเร็งระยะเริ่มต้น หรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำร่วมกับผ่าตัดเพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษามะเร็งให้หายขาด และอาจใช้ร่วมกับการรักษาแบบรังสีบำบัดในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมะเร็งลุกลามไปทั่วร่างกาย ภูมิคุ้มกันบำบัด หรือยาฆ่าเซลล์มะเร็ง มักใช้รักษาหลังจากตัดเนื้อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะออกแล้วเพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ โดยแพทย์จะฉีดวัคซีนบีซีจี (BCG) ซึ่งใช้ป้องกันวัณโรค หรืออินเตอร์เฟอรอน (Interferon Alfa-2b) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ร่างกายใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคโดยเฉพาะไวรัส เพื่อกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง หรือให้ยาฆ่าเซลล์มะเร็งเข้ากระเพาะปัสสาวะผ่านทางสายสวนแล้วทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงให้ผู้ป่วยปัสสาวะออกมา และผู้ป่วยจะต้องรักษาด้วยวิธีนี้ทุกสัปดาห์เป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ติดต่อกัน นอกจากนี้ แพทย์อาจฉีดแอนติบอดีชนิดสังเคราะห์ (Atezolizumab) เข้าหลอดเลือดดำเพื่อรักษามะเร็งที่ไม่สามารถรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือมะเร็งที่ลุกลามไปทั่วร่างกาย การผ่าตัด เพื่อกำจัดเนื้อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะใกล้เคียง ซึ่งมี 2 วิธี ได้แก่ หลังการรักษา ผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคที่เกิดซ้ำได้ โดยมักต้องตรวจส่องกล้องทางเดินปัสสาวะทุก ๆ 3-6 เดือน หรือปีละครั้งร่วมกับการตรวจอาการอื่น ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดและระดับความรุนแรงของมะเร็ง ผลการรักษา และดุลยพินิจของแพทย์ด้วย ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ การป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคที่ไม่มีสาเหตุแน่ชัดจึงไม่มีวิธีการป้องกันที่ได้ผลชัดเจน อย่างไรก็ตาม การดูแลเอาใจใส่สุขภาพอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้ เช่น ดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานผักและผลไม้ให้หลากหลาย ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่หรือการสัมผัสกับสารเคมีอันตราย ปรึกษาแพทย์หากต้องรับประทานยาหรืออาหารเสริมสมุนไพรบางชนิดที่อาจก่อมะเร็ง เป็นต้นความหมาย มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ