Illness name: ถุงน้ำในโพรงไขสันหลัง syringomy
Description: Syringomyelia หรือภาวะผิดปกติที่ไขสันหลังของผู้ป่วยพบการเกิดซีสต์ (Cyst) หรือถุงน้ำ ซึ่งซีสต์อาจไปเบียดทับไขสันหลังและเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น อาการปวด อ่อนแรง ตึงกล้ามเนื้อบริเวณหลัง หัวไหล่ แขน และขา Syringomyelia เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจเป็นผลมาจากความผิดปกติทางสมองตั้งแต่กำเนิด ไขสันหลังเกิดบาดแผลหรือความเสียหาย เนื้องอก หรืออาจไม่ทราบสาเหตุในบางกรณี ซึ่งแพทย์จะพิจารณาการรักษาตามสาเหตุเป็นหลักและอาจต้องนัดตรวจเพิ่มเติมเพื่อติดตามผลการรักษา เนื่องจากภาวะนี้อาจมีโอกาสกลับมาเกิดซ้ำได้ ภาวะ Syringomyelia อาจก่อให้เกิดอาการแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ขนาด ตำแหน่ง และสาเหตุของซีสต์ โดยอาการมักเกิดขึ้นบริเวณหลัง หัวไหล่ แขน และขา ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง และอาการมักแสดงออกมาอย่างช้า ๆ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาการอาจรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วหากความดันช่องในสมองและไขสันหลังเพิ่มขึ้นชั่วคราวจากสาเหตุบางอย่าง อย่างการไอหรือการเบ่งอุจจาระ อาการของ Syringomyelia ที่อาจพบได้ เช่น นอกจากนี้ อาจพบอาการอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะ มีปัญหาด้านการทรงตัว สมรรถภาพทางเพศมีปัญหา การควบคุมระบบขับถ่ายมีปัญหา หรือในผู้ป่วยเด็กอาจพบภาวะกระดูกสันหลังคด (Scoliosis) รวมถึงในบางกรณีที่ก้อนซีสต์ทำลายเส้นประสาทส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อดวงตาและใบหน้า ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการบางอย่าง เช่น หนังตาตก ลืมตาได้น้อยลง ลูกตาดำมีขนาดเล็กลง หรือใบหน้าบางส่วนมีเหงื่อออกน้อยลง เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการในข้างต้นควรไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเกิดอุบัติเหตุหรือโรคบริเวณไขสันหลัง ให้หมั่นสังเกตอาการในข้างต้น เนื่องจากอาการต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นภายในช่วงหลายเดือนหรือหลายปีหลังจากที่ไขสันหลังเกิดความเสียหาย Syringomyelia เป็นภาวะที่มักเกิดจากการที่น้ำไขสันหลังจับตัวกันเป็นถุงน้ำหรือซีสต์ ซึ่งจะค่อย ๆ ขยายขนาดจนไปกดทับเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้เกิดความเสียหายตามมา อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ส่งผลให้เกิดภาวะดังกล่าว แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยบางอย่าง เช่น ในการวินิจฉัย Syringomyelia แพทย์จะสอบถามประวัติสุขภาพและอาการผิดปกติต่าง ๆ ของผู้ป่วย รวมถึงตรวจร่างกายเบื้องต้น หากแพทย์เห็นว่าผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติบริเวณไขสันหลัง แพทย์จะส่งตรวจภาพถ่ายทางรังสี เช่น การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI Scan) หรือการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scans) เพื่อตรวจดูความผิดปกติบริเวณไขสันหลังและเนื้อเยื่อใกล้เคียง นอกจากนี้ อาการของ Syringomyelia อาจคล้ายคลึงกับโรคอื่น แพทย์จึงอาจใช้วิธีตรวจอื่น ๆ ร่วมด้วยเพื่อความแม่นยำในการวินิจฉัยโรค เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyography) เพื่อหาความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เป็นต้น แพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษา Syringomyelia จากความรุนแรงของอาการและความเหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละคน หากผู้ป่วยมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือมีอายุมาก แพทย์อาจเพียงติดตามอาการโดยการเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและตรวจระบบประสาทของผู้ป่วยเป็นระยะ ๆ เท่านั้น รวมถึงแนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือกิจกรรมบางอย่าง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการกระตุ้นให้เกิดอาการต่าง ๆ แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบากจากอาการที่เกิดขึ้น หรืออาการต่าง ๆ แย่ลงอย่างรวดเร็ว แพทย์อาจใช้วิธีผ่าตัดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกขึ้น โดยจุดประสงค์การผ่าตัดจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ เช่น หากอาการของผู้ป่วยมีสาเหตุมาจากสมองส่วนล่างยื่นเข้ามาในบริเวณโพรงกระดูกสันหลัง แพทย์อาจผ่าตัดนำกระดูกบริเวณท้ายกระโหลกศีรษะและกระดูกสันหลังออกเล็กน้อย เพื่อเพิ่มพื้นที่ในกระโหลกศีรษะและลดแรงดันจากสมอง รวมถึงช่วยให้น้ำไขสันหลังไหลเวียนได้ดีขึ้น หากอาการของผู้ป่วยไม่ได้มีสาเหตุมาจากสมองส่วนล่างยื่นเข้ามาในบริเวณโพรงกระดูกสันหลัง เนื้องอก หรือตรวจไม่พบสาเหตุ แพทย์อาจผ่าตัดใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีลักษณะคล้ายสายยางไว้ในร่างกายของผู้ป่วยเพื่อช่วยระบายของเหลวจากซีสต์ไปยังส่วนอื่นของร่างกาย หากพบสิ่งอุดตันภายในไขสันหลัง อย่างเนื้อเยื่อแผลเป็น เนื้องอก หรือกระดูกงอก แพทย์จะผ่าตัดเอาสิ่งที่ก่อให้เกิดการอุดตันหรือขวางการไหลเวียนของน้ำไขสันหลังออก หลังการผ่าตัด แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ และให้ผู้ป่วยทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงหรือบรรเทาอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจได้รับยาบางชนิดเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น ยาแก้ปวด หรือยาคลายกล้ามเนื้อ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดอาจไม่รักษาผู้ป่วยให้หายขาดได้ รวมถึงอาการต่าง ๆ หรือก้อนซีสต์ยังมีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำภายหลังการผ่าตัด แพทย์จึงอาจต้องนัดตรวจผู้ป่วยเพื่อติดตามอาการและผลการรักษาหลังการผ่าตัดเป็นระยะ ๆ Syringomyelia อาจส่งผลให้เสี่ยงต่อการสูญเสียการทำงานของระบบประสาท พิการ หรือก้อนซีสต์ที่โตขึ้นอาจทำให้เส้นประสาทในไขสันหลังเกิดความเสียหาย ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมา เช่น กระดูกสันหลังคด ปวดบริเวณไขสันหลังเรื้อรัง กล้ามเนื้อบริเวณขาอ่อนแรงหรือตึงจนทำให้เดินลำบาก อัมพาต กลืนอาหารลำบาก ตากระตุก พูดลำบาก หรือออกเสียงไม่ชัด เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางคนอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหากก้อนซีสต์เกิดขึ้นบริเวณก้านสมอง เนื่องจากก้อนซีสต์ที่โตขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานที่สำคัญของร่างกาย โดยเฉพาะการหายใจหรือการเต้นของหัวใจ ทำให้เกิดอาการบางอย่างที่รุนแรง เช่น หายใจมากหรือน้อยไป หรือหัวใจเต้นไม่ตรงจังหวะ เป็นต้น การป้องกัน Syringomyelia อาจทำได้ยากเพราะมักเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจลดความเสี่ยงได้โดยการหลีกเลี่ยงหรือระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุบริเวณไขสันหลัง เช่น สวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งเมื่อต้องทำงานที่เสี่ยงภัย ทำงานในที่สูง หรือเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการปะทะแรง ๆ อย่างฟุตบอลหรือบาสเกตบอล นอกจากนี้ หากสังเกตพบอาการผิดปกติในข้างต้น โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติการเกิดอุบัติเหตุหรือมีโรคเกี่ยวกับไขสันหลัง ให้รีบไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมความหมาย ถุงน้ำในโพรงไขสันหลัง (Syringomyelia)
อาการของ Syringomyelia
สาเหตุของ Syringomyelia
การวินิจฉัย Syringomyelia
การรักษา Syringomyelia
ภาวะแทรกซ้อนของ Syringomyelia
การป้องกัน Syringomyelia