Illness name: กระดูกสันหลังคด
Description: กระดูกสันหลังคด (Scoliosis) คือ การคดงอของกระดูกสันหลัง หรือมีลักษณะบิดเบี้ยวไปด้านข้าง ทำให้เสียสมดุลและไม่สวยงาม ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกวัย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 10-15 ปี โดยทั่วไปหากอาการไม่รุนแรงมักไม่ต้องเข้ารับการรักษา แต่หากกระดูกสันหลังคดมาก อาจทำให้มีอาการปวดหลัง หรือรู้สึกเหนื่อยง่ายได้ แพทย์จึงอาจแนะนำให้ผู้ป่วยใส่เสื้อเกราะดัดหลัง (Brace) หรือเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการ ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการคดงอและความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้อาการย่ำแย่ลงในแต่ละคน อาการของกระดูกสันหลังคด ความรุนแรงและอาการของกระดูกสันหลังคดแตกต่างกันไปในแต่ละคน ในเด็ก ผู้ปกครองมักเริ่มต้นสังเกตเห็นว่าไหล่ทั้ง 2 ข้างของผู้ป่วยไม่เท่ากัน แผ่นหลังหรือหน้าออกนูนไม่เท่ากัน และอาจสังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่ออาการรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีทั้งอาการกระดูกสันหลังคดและบิดงอ ลักษณะของโรคกระดูกสันหลังคดที่พบบ่อยมีดังต่อไปนี้ โดยทั่วไปแล้ว กระดูกสันหลังคดมักมีผลกระทบเพียงเล็กน้อย ได้แก่ การปวดหลัง ปวดท้อง กล้ามเนื้อหดตัว (Muscle Spasms) หรือเจ็บซี่โครง เป็นต้น แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจส่งผลต่อการทำงานของหัวใจและปอด เช่น เจ็บหน้าอกหรือหายใจติดขัด ผู้ป่วยจึงควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้อง สาเหตุของกระดูกสันหลังคด กระดูกสันหลังคดเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเพศหญิงหรือคิดเป็นร้อยละ 2 ของผู้หญิงและร้อยละ 0.5 ของผู้ชาย ผู้ป่วยกว่าร้อยละ 80 เป็นโรคกระดูกสันหลังคดโดยไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic) ซึ่งพบมากในเด็กหญิง วัยรุ่น และมักมีกระดูกสันหลังคดที่กระดูกสันหลังส่วนอก (Thoracic Spine) สาเหตุของการเกิดกระดูกสันหลังคดแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้ สาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้กระดูกสันหลังคด ได้แก่ การบาดเจ็บหรือการติดเชื้อที่กระดูกสันหลัง หรือเนื้องอกบริเวณกระดูกสันหลัง เช่น Osteoid Osteoma ซึ่งเป็นเนื้องอกที่ไม่เป็นอันตราย (Benign Tumor) แต่อาจทำให้กระดูกสันหลังบิดตัวและเกิดความเจ็บปวดได้ ผู้ป่วยจึงมักเอนตัวไปอีกข้างหนึ่งเพื่อลดอาการปวด นอกจากนี้ พันธุกรรม ความผิดปกติเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและ/หรือการสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ (Abnormal Fibrillin Metabolism) อาจเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอาการกระดูกสันหลังคดได้ ปัจจัยเสี่ยงของกระดูกสันหลังคด ปัจจัยทั่วไปที่มักก่อให้เกิดอาการกระดูกสันหลังคด ได้แก่ การวินิจฉัยอาการกระดูกสันหลังคด หากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการกระดูกสันหลังคด ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัย แพทย์มักเริ่มต้นจากการสอบถามประวัติอาการกระดูกสันหลังคดในครอบครัว ความเจ็บปวด หรือปัญหาทางการแพทย์ต่าง ๆ จากนั้นจะเริ่มตรวจกระดูกสันหลังจากด้านข้าง ด้านหน้า และด้านหลัง โดยอาจขอให้ผู้ป่วยก้มตัวแตะนิ้วเท้า ซึ่งจะช่วยให้แพทย์เห็นความคดงอของกระดูกสันหลังและความสมมาตรของร่างกายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และตรวจดูระดับของสะโพกและหัวไหล่ ความเอนเอียงของร่างกาย ความแข็งแรงและปฏิกิริยาของกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว และการคดงอของกระดูก เป็นต้น หากแพทย์เชื่อว่าผู้ป่วยมีอาการกระดูกสันหลังคด ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การเอกซเรย์หลัง (X-Ray) การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือการสร้างภาพอวัยวะด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อประเมินความคดงอของกระดูกและวิธีการรักษาที่เหมาะสม ทั้งนี้ การเอกซเรย์บริเวณแขน เอว หรือกระดูกเชิงกรานยังช่วยให้แพทย์สามารถประเมินถึงการเจริญเติบโตของร่างกายผู้ป่วยและการเปลี่ยนแปลงของไขสันหลังที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย การรักษาอาการกระดูกสันหลังคด ผู้ป่วยเด็กที่มีอาการกระดูกสันหลังคดเพียงเล็กน้อยอาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการใส่เสื้อเกราะดัดหลัง (Brace) แต่อาจต้องเข้าพบแพทย์ทุก ๆ 4-6 เดือนเพื่อตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของกระดูกสันหลัง และประเมินวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสมหากอาการรุนแรงขึ้น การรักษามักขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้ ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจมีทั้งวิธีบรรเทาอาการเบื้องต้นที่ผู้ป่วยทำได้เอง หรืออาจเป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์ เช่น การรักษาด้วยตนเอง การรักษาด้วยกระบวนการทางการแพทย์ แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยเด็กที่ยังมีการเจริญเติบโตของกระดูก หรือมีอาการกระดูกสันหลังคดในระดับปานกลางสวมเสื้อเกราะดัดหลัง (Brace) ซึ่งแม้จะรักษาอาการกระดูกสันหลังคดไม่ได้ แต่จะช่วยป้องกันกระดูกไม่ให้เกิดความคดงอมากขึ้น เสื้อเกราะดัดหลังมักทำจากพลาสติกและมีส่วนโค้งเว้ารับกับร่างกายผู้ป่วยบริเวณแขน ซี่โครง บริเวณหลังช่วงล่าง และสะโพก ทั้งยังแนบสนิทไปกับร่างกาย จึงสามารถใส่ไว้ภายใต้เสื้อผ้าโดยที่ผู้อื่นไม่สังเกตเห็นได้ ผู้ป่วยมักใส่เสื้อเกราะดัดหลังทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เนื่องจากประสิทธิภาพของเสื้อเกราะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการสวมใส่ กรณีการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเล่นกีฬา หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับร่างกาย ผู้ป่วยสามารถเลือกที่จะสวมใส่หรือถอดเสื้อเกราะได้เช่นกัน ผู้ป่วยหยุดใช้เสื้อเกราะได้หลังจากการเจริญเติบโตของกระดูกสิ้นสุดลง ซึ่งสังเกตได้ดังนี้ อาการกระดูกสันหลังคดที่รุนแรงมักเกิดขึ้นตามระยะเวลาของอาการ แพทย์อาจจำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อลดการคดงอของกระดูกและป้องกันอาการรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น วิธีการผ่าตัดกระดูกสันหลังคดที่เป็นที่นิยมคือการเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง (Spinal Fusion) ศัลยแพทย์จะยึดกระดูกชิ้นเล็ก ๆ เข้ากับแนวกระดูกสันหลัง โดยใช้ชิ้นส่วนกระดูกหรือวัสดุที่คล้ายคลึงกับกระดูก เหล็กดาม ตะขอ และน็อต เพื่อตรึงไว้ด้วยกัน ในผู้ป่วยเด็ก ศัลยแพทย์จะปรับเปลี่ยนความยาวของแนวยึดตามการเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโตและการคดงอของกระดูกทุก ๆ 6 เดือน ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดอาจได้แก่ เลือดออก ความเจ็บปวด การติดเชื้อ หรือความเสียหายของเส้นประสาท การผ่าตัดมักส่งผลดีต่ออาการของผู้ป่วย แต่อาจยังต้องเข้ารับการผ่าตัดอื่น ๆ เพิ่มเติมหากจำเป็น กระดูกสันหลังคดบางชนิดอาจมีสาเหตุจากความผิดปกติในระบบประสาทไขสันหลัง การติดเชื้อ หรือมีเนื้องอกของกระดูก เมื่อรักษาที่ต้นเหตุแล้ว ความคดงอของกระดูกก็อาจหายดีขึ้นได้ ภาวะแทรกซ้อนของอาการกระดูกสันหลังคด อาการกระดูกสันหลังคดโดยส่วนใหญ่แล้วมักไม่รุนแรง แต่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การป้องกันอาการกระดูกสันหลังคดความหมาย กระดูกสันหลังคด