Illness name: ptsd โรคเครียดหลังผ่านเหตุ
Description: PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง เป็นภาวะทางจิตที่เกิดจากการเผชิญกับเหตุการณ์ตึงเครียด น่ากลัว หรือกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเป็นประสบการณ์โดยตรงหรือการพบเห็นเหตุการณ์นั้น ๆ จนทำให้ผู้ป่วยอาจเห็นภาพในอดีต ฝันร้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกวิตกกังวลโดยไม่สามารถควบคุมได้ อาจส่งผลให้นอนไม่หลับและไม่มีสมาธิด้วย โดยอาการเหล่านี้จะค่อนข้างรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอจนอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ PTSD อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยมักแสดงอาการในช่วงเดือนแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นหลังจากนั้นหลายเดือนไปจนถึงปี อาการของ PTSD อาจแตกต่างกันในแต่ละคน แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการ ดังนี้ สำหรับเด็กที่ป่วยเป็นโรค PTSD อาจพบว่ามีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะรดที่นอน รู้สึกแปลกแยกจากพ่อแม่และผู้ใหญ่คนอื่น ๆ นึกถึงเหตุการณ์นั้น ๆ ขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ อาจมีปัญหาด้านพัฒนาการ อย่างการฝึกเข้าห้องน้ำ การเคลื่อนไหวร่างกาย และการใช้ภาษา เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ที่มีความคิดหรือความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ๆ เป็นเวลานานกว่า 1 เดือน หรือมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ควรรีบไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิตเพื่อขอคำปรึกษาทันที เพราะผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันอาการรุนแรงขึ้น แม้แพทย์จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ PTSD แต่โรคนี้อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกันเช่นเดียวกับภาวะทางจิตใจอื่น ๆ ทั้งปัจจัยทางร่างกายและสภาวะเหตุการณ์ในชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันอย่างการตกงาน การสอบไม่ผ่าน หรือการหย่าร้าง แต่อาจเป็นเหตุการณ์ที่ตึงเครียด น่ากลัว หรือกระทบกระเทือนจิตใจอย่างมาก โดยปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของ PTSD มีดังนี้ ทั้งนี้ คนบางกลุ่มอาจมีความเสี่ยงเผชิญโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป เช่น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเวลานาน ผู้ที่เคยถูกล่วงละเมิดในวัยเด็ก ผู้ที่ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงต่อเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ ผู้ที่ประสบปัญหาสุขภาพจิตหรือมีคนในครอบครัวประสบปัญหาสุขภาพจิต ผู้ที่ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง และการใช้สารเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เป็นต้น ในการวินิจฉัย PTSD จิตแพทย์อาจตรวจร่างกาย ประเมินอาการทางร่างกายและทางจิตวิทยา และอาจใช้หลักเกณฑ์จากคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต (DSM-5) เพื่อประเมินอาการของผู้ป่วย ทั้งนี้ การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นโรค PTSD ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และอาการของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยต้องเคยประสบกับเหตุการณ์ในชีวิตจริงที่อาจกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างมาก อาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิต หรือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งอาจเป็นประสบการณ์ของผู้ป่วยโดยตรง หรือผู้ป่วยเป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์นั้น ๆ ในบางกรณีอาจเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว โดยผู้ป่วยจะต้องมีอาการเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งอาการต่าง ๆ จะต้องมีความรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน หรือความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ในเบื้องต้น ผู้ป่วย PTSD อาจดูแลตัวเองและจัดการกับความเครียดได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้ ผู้ป่วยอาจเรียนรู้เกี่ยวกับโรค PTSD และทำความเข้าใจถึงความรู้สึกหรืออาการของตนเอง เพื่อหาวิธีรับมือกับอาการที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียด เช่น หางานอดิเรกทำในยามว่างหรือเมื่อรู้สึกเครียด พบปะสังสรรค์กับเพื่อนหรือพูดคุยกับคนในครอบครัว เข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เป็นต้น ผู้ป่วยควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกาย และรู้จักหาเวลาผ่อนคลาย นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน การใช้สารเสพติด การสูบบุหรี่หรือยาสูบทุกชนิด และห้ามผู้ป่วยรับประทานยาเองโดยไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์ ส่วนการรักษา PTSD โดยแพทย์นั้น แพทย์มักให้ความสำคัญกับการบรรเทาอาการต่าง ๆ ทางอารมณ์และร่างกาย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันและรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งแพทย์อาจใช้วิธีการรักษา ดังต่อไปนี้ แพทย์อาจใช้ยารักษาอาการซึมเศร้า เพื่อควบคุมความรู้สึกเศร้าและวิตกกังวลของผู้ป่วย เช่น ยาต้านเศร้าเอสเอสอาร์ไอ ยากลุ่มไตรไซคลิก ยาควบคุมอารมณ์ และยารักษาโรคจิตกลุ่มใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ อาจใช้ยาลดความดันโลหิตเพื่อควบคุมอาการบางอย่างด้วย เช่น ยาพราโซซินที่ใช้ลดอาการฝันร้าย และยาโพรพราโนลอลที่ใช้รักษาความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น เป็นต้น โดยแพทย์มักไม่นิยมให้ใช้ยากล่อมประสาท เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการติดยาได้ ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรเข้าพบแพทย์เพื่อติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น PTSD อาจมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย ทั้งในด้านการทำงาน ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว สุขภาพ และการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งยังอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ อย่างโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือโรคกลัวแบบจำเพาะได้ รวมถึงอาจทำให้เกิดพฤติกรรมที่ทำร้ายตัวเอง เช่น การใช้ยาเสพติด หรือการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปวดหน้าอก ปวดท้อง หรือมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติด้วย ในกรณีที่อาการค่อนข้างรุนแรง ผู้ป่วยอาจมีความคิดฆ่าตัวตาย หรือพยายามฆ่าตัวตายได้ ดังนั้น หากผู้ป่วยมีความคิดฆ่าตัวตาย ควรรีบขอความช่วยเหลือหรือคำปรึกษาจากบุคคลใกล้ชิด หรือผู้ที่พบเห็นอาการควรรีบพาผู้ป่วยไปพบจิตแพทย์ทันที ทั้งนี้ ผู้ป่วยสามารถขอรับคำปรึกษาผ่านทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ โดยโทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง PTSD เป็นปัญหาสุขภาพที่ป้องกันได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและควบคุมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อาจดูแลตนเองและเรียนรู้วิธีรับมือกับอาการที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดได้ เพื่อป้องกันการเกิดโรคนี้ เช่น หากประกอบอาชีพซึ่งเสี่ยงเผชิญสถานการณ์อันตรายอย่างทหารอาจต้องเข้ารับการฝึกซ้อมรับมือเหตุการณ์อันตราย และปรึกษาจิตแพทย์เพื่อเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่อันตรายหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม เป็นต้น สำหรับผู้ที่เพิ่งประสบเหตุการณ์ที่ร้ายแรง อาจมีวิธีการจัดการกับความเครียดเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้ ทั้งนี้ หากผู้ที่เพิ่งประสบเหตุการณ์ที่ร้ายแรงได้รับความช่วยเหลือหรือได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจช่วยบรรเทาอาการบางอย่างหรือป้องกันการเกิด PTSD ได้ ความหมาย โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD)
อาการของโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง
สาเหตุของโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง
การวินิจฉัโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง
การรักษาโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง
เรียนรู้วิธีรับมือกับความเครียด
รักษาสุขภาพและดูแลตัวเอง
การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยวิธีจิตบำบัด
ภาวะแทรกซ้อนของโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง
การป้องกันโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง