Illness name: การรักษาไข้หวัดใหญ่
Description: ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงส่วนใหญ่จะค่อย ๆ หายเป็นปกติได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการป่วยในเบื้องต้น โดยยาที่แพทย์หรือเภสัชกรมักแนะนำให้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ใช้ มีดังนี้ ยาลดอาการคัดจมูก ยาต้านฮิสตามีน ยาแก้ไอและกำจัดเสมหะ หรืออาจใช้กลุ่มยาละลายเสมหะ อย่างยาคาร์โบซิสเทอีน (Carbocysteine) 2.25 กรัมต่อวัน ยาบรอมเฮกซีน (Bromhexine) 8‒16 มิลลิกรัมต่อวัน ยาอะซิทิลซิสเทอีน (Acetyl-Cysteine) หรือ NAC 600 มิลลิกรัมต่อวัน โดยยากลุ่มนี้จะช่วยลดความข้นเหนียวของเสมหะ จึงช่วยทำให้ขับเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ปริมาณยาอาจขึ้นอยู่กับอายุและโรคประจำตัวของผู้ป่วย นอกจากนี้ อาการไอและมีเสมหะอาจมาพร้อมอาการเจ็บคอจึงควรเลือกยาชนิดน้ำหรือยาชนิดเม็ดฟู่ละลายน้ำ ตัวยาที่อยู่ในรูปแบบของเหลวอาจช่วยป้องกันการระคายเคืองในลำคอและรับประทานได้ง่าย ลดความเสี่ยงที่จะสำลักหรือติดคอ รวมทั้งยังอาจช่วยให้ร่างกายดูดซึมตัวยาและนำไปใช้ได้ดีขึ้น ยาต้านไวรัส โดยแพทย์จะจ่ายยาต้านไวรัสสำหรับรับประทานประมาณ 5 วัน ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป ส่วนยาซานามิเวียร์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยอายุ 7 ปีขึ้นไป และในผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ก็สามารถรับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาต้านไวรัสต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หากพบอาการข้างเคียงที่รุนแรง ควรรีบแจ้งแพทย์และเข้ารับการรักษาต่อไป ซึ่งการใช้ยาต้านไวรัสอาจส่งผลข้างเคียงตามมา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ปวดหัว คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ ท้องร่วง เป็นต้น นอกจากนี้ แพทย์ไม่แนะนำให้รับประทานยาทามิฟูลหากไม่มีอาการไข้หรือมีไข้แต่ไม่รุนแรงนัก เพราะจะทำให้ดื้อยาและเกิดอาการข้างเคียงอย่างการเกิดภาพหลอนตามมาได้ ซึ่งยาชนิดนี้ต้องให้แพทย์สั่งใช้เท่านั้น ยาปฏิชีวนะ นอกจากการรับประทานยา ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงตามเดิม
การรักษา ไข้หวัดใหญ่
เป็นยาสำหรับบรรเทาอาการบวมของหลอดเลือดในจมูก ลดอาการคัดจมูก และน้ำมูกไหล
เป็นยาที่มีฤทธิ์ลดสารฮิสตามีน ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบและอาการแพ้ ใช้เพื่อรักษาอาการจาม คันจมูก หรือน้ำตาไหล
อาการไอจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่อาจมีเสมหะร่วมด้วย จึงอาจใช้ยากลุ่มขับเสมหะที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตเสมหะมากขึ้นและกระตุ้นให้ไอเพื่อให้ร่างกายขับเสมหะออกมาได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อเสมหะถูกขับออกมาแล้วก็จะทำให้อาการไอลดลง
ในประเทศไทยใช้ยาโอเซลทามิเวียร์และยาซานามิเวียร์ เพื่อออกฤทธิ์ยับยั้งการกระจายตัวของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A และ B ภายในร่างกาย ซึ่งจะใช้ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย และเสี่ยงต่อการติดเชื้อสายพันธุ์ที่รุนแรงขึ้น
โดยปกติยาประเภทนี้จะไม่มีผลต่อการรักษาไวรัสโดยตรง แต่แพทย์มักแนะนำให้ใช้เพื่อรักษาภาวะแทรกซ้อนอย่างปอดอักเสบจากเชื้อรา