Illness name: โรคลีเจียนแนร์ legionnaires disease
Description: Legionnaires’ disease (โรคลีเจียนแนร์) เป็นโรคปอดติดเชื้อชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลา (Legionella) โดยลักษณะอาการเด่นที่มักพบได้ เช่น ปวดศีรษะขั้นรุนแรง ไข้ขึ้นสูง หายใจไม่อิ่ม ปวดกล้ามเนื้อ และไอ แบคทีเรียลีจิโอเนลลา เป็นแบคทีเรียที่มีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ลีจิโอเนลลา นิวโมฟิลา (Legionella pneumophila) จะเป็นชนิดที่พบได้บ่อย โดยเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลาสามารถส่งผลให้ผู้ที่ติดเชื้อเกิดอาการได้ทั้งแบบรุนแรงและไม่รุนแรง ในกรณีที่ติดเชื้อไม่รุนแรง ทางการแพทย์จะเรียกโรคนี้ว่าโรคไข้ปอนเตียก (Pontiac fever) ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ และปวดเมื่อย แต่ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายได้เอง ส่วนในกรณีติดเชื้อขั้นรุนแรง ทางการแพทย์จะเรียกโรคนี้ว่าโรคลีเจียนแนร์ โดยผู้ป่วยในกลุ่มนี้ควรได้รับการรักษาทันที เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ อาการของ Legionnaires’ disease จะเริ่มแสดงในช่วงระยะเวลาประมาณ 2–10 วันหลังจากที่ร่างกายติดเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลา โดยในช่วงวันแรก ๆ จะมักพบอาการปวดศีรษะ มีไข้ขึ้นสูง และปวดกล้ามเนื้อ จากนั้น ผู้ที่ติดเชื้อจะเริ่มพบอาการอื่น ๆ ตามมา เช่น ทั้งนี้ อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น Legionnaires’ disease หรือโรคลีเจียนแนร์เป็นโรคที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหรือการเสียชีวิตได้หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า ดังนั้น ผู้ที่พบอาการในลักษณะข้างต้นควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจทันที โดยเฉพาะหากพบว่าผู้ที่ใช้อาคารร่วมกัน เช่น ในโรงแรมหรือสถานที่ทำงานเพิ่งป่วยเป็นโรคนี้ Legionnaires’ disease เป็นโรคที่เกิดจากการที่ปอดติดเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลา โดยแบคทีเรียชนิดนี้สามารถพบได้ในแหล่งน้ำ โดยเฉพาะในน้ำอุ่นประมาณ 32–45 องศาเซลเซียส ทั้งแหล่งน้ำตามธรรมชาติ อย่างแม่น้ำหรือทะเลสาบ และแหล่งน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น อย่างน้ำภายในระบบเครื่องปรับอากาศ อ่างน้ำพุประดับ ถังเก็บน้ำ เครื่องทำความชื้น เครื่องทำน้ำร้อน สปริงเกอร์ หรือเครื่องมือช่วยหายใจในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลาส่วนใหญ่มักได้รับเชื้อมาจากแหล่งน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยเฉพาะในอาคารขนาดใหญ่และโรงแรม การติดเชื้ออาจเกิดได้จากหลายทาง ส่วนใหญ่มักเกิดจากการสูดดมละอองน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลาเข้าไป และบางกรณีอาจจะเป็นการติดเชื้อผ่านทางบาดแผล การสัมผัสดินที่มีเชื้อ หรือการสำลักน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลาและน้ำไหลเข้าสู่หลอดลม แต่พบได้ค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ Legionnaires’ disease เป็นโรคที่ไม่ติดต่อผ่านคนสู่คน และพบได้ไม่บ่อยนัก โดยผู้ที่ป่วยส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ในการวินิจฉัย Legionnaires’ disease แพทย์จะตรวจร่างกายในเบื้องต้น สอบถามอาการผิดปกติและประวัติการเดินทาง จากนั้นแพทย์จะส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาเชื้อ โดยวิธีที่แพทย์มักใช้คือ การตรวจเสมหะ การตรวจปัสสาวะ และการตรวจเลือด นอกจากนี้ แพทย์ยังอาจใช้วิธีตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อผลการวินิจฉัยที่แม่นยำ เช่น ในการรักษาผู้ป่วย Legionnaires’ disease แพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะเป็นหลัก โดยแพทย์จะพิจารณาให้เป็นชนิดรับประทานหรือชนิดฉีดตามความเหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งหากเป็นการใช้ยาเม็ด ผู้ป่วยควรรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ชนิดของยาปฏิชีวนะที่แพทย์มักใช้ เช่น ทั้งนี้ ในระหว่างกระบวนการรักษา แพทย์มักให้ผู้ป่วยเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล รวมถึงอาจใช้วิธีการรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วยหากผู้ป่วยมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจหรือมีอาการหายใจไม่ออก นอกจากนี้ ภายหลังจากการรักษา ผู้ป่วยบางคนยังอาจมีอาการบางอย่างหลงเหลืออยู่ เช่น อาการอ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ มีปัญหาเกี่ยวกับการพูดหรือการออกเสียง หรืออาการทรงตัวลำบาก แต่อาการมักจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เอง โดยระยะเวลาที่ใช้อาจจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่บริเวณอื่นของร่างกายร่วมด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนบางอย่างที่รุนแรงจนอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ เช่น สำหรับผู้ที่ดูแลระบบเครื่องปรับอากาศและระบบน้ำของอาคารขนาดใหญ่ อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิด Legionnaires’ disease โดยการหมั่นเปลี่ยนน้ำ ทำความสะอาด และฆ่าเชื้อในระบบเครื่องปรับอากาศและระบบน้ำในอาคารเป็นประจำ โดยเฉพาะในท่อส่งนํ้า สำหรับบุคคลทั่วไป ให้ทำความสะอาดก๊อกน้ำ หัวฝักบัว หรืออ่างอาบน้ำบ่อย ๆ และที่สำคัญ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ร่างกายติดเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องทำสวนหรือทำกิจกรรมที่ต้องสัมผัสดินบ่อย ๆ ควรสวมถุงมือและหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ และที่สำคัญควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่หลังเสร็จกิจกรรมเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงการได้รับเชื้อที่อาจปนเปื้อนมากับดินความหมาย โรคลีเจียนแนร์ (Legionnaires’ disease)
อาการของ Legionnaires’ disease
สาเหตุของ Legionnaires’ disease
การวินิจฉัย Legionnaires’ disease
การรักษา Legionnaires’ disease
ภาวะแทรกซ้อนของ Legionnaires’ disease
การป้องกัน Legionnaires’ disease