Illness name: มะเร็งต่อมลูกหมาก
Description: มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer) เป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่พบได้มากในเพศชาย โดยเกิดจากเซลล์ที่เจริญเติบโตอย่างผิดปกติช้า ๆ บริเวณต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นอวัยวะหนึ่งในระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย มีลักษณะคล้ายลูกเกาลัดเล็ก ๆ ทำหน้าที่ผลิตน้ำสำหรับหล่อเลี้ยงและลำเลียงอสุจิ สาเหตุของมะเร็งต่อมลูกหมากในปัจจุบันยังไม่เป็นที่ทราบแต่ชัด แต่อาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น อายุที่มากขึ้น โรคอ้วน กรรมพันธุ์ รวมถึงการสัมผัสสารเคมีหรือรังสีบางชนิด โดยมะเร็งต่อมลูกหมากจัดเป็นมะเร็งที่พบได้มากเป็นอันดับ 4 ของชายไทย และมีแนวโน้มที่อัตราการเกิดมะเร็งชนิดนี้จะสูงขึ้นทุกปี มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มแรกจะไม่แสดงอาการจนกว่าเนื้องอกจะไปทำให้ต่อมลูกหมากใหญ่โตขึ้น หรือเมื่อมะเร็งเริ่มลุกลามไปเกินกว่าบริเวณต่อมลูกหมาก เซลล์มะเร็งที่เจริญเติบโตขึ้นจนเกิดแรงกดทับต่อท่อปัสสาวะเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากมักมีปัญหาเกี่ยวกับการถ่ายปัสสาวะ ดังนี้ มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะที่เป็นมากยังอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนล้า มีอาการบวมที่ร่างกายส่วนล่างลงไป ขาอ่อนล้าหรือขยับไม่ได้ และมักมีอาการท้องผูกร่วมด้วย มีอาการอ่อนแรง อาจเจ็บบริเวณเชิงกราน หรือหลังส่วนล่าง แพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของมะเร็งต่อมลูกหมากได้อย่างแน่ชัด รู้เพียงแต่ว่าเกิดจากเซลล์ในต่อมลูกหมากที่ผิดปกติและมีการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอจนเซลล์เติบโตและขยายขึ้นรวดเร็วกว่าปกติ ทำให้ลุกลามทำลายเซลล์ที่ปกติในบริเวณดังกล่าว ในขณะที่เซลล์ที่ผิดปกติเหล่านี้จะมีชีวิตต่อไป และก่อให้เกิดเนื้องอกที่สามารถลุกลามไปยังเนื้อเยื่อรอบข้าง ทั้งยังอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย มะเร็งต่อมลูกหมากยังอาจเกิดได้จากปัจจัยอื่น ๆ โดยบุคคลเหล่านี้อาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้สูง ไม่ว่าจะเป็น โดยมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดที่พบได้บ่อยคือ มะเร็งชนิดต่อม (Adenocarcinoma) ซึ่งจะพัฒนาจากเซลล์ภายในต่อมลูกหมากเอง แต่มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ชนิดอื่น ๆ อย่างมะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (Small Cell Carcinoma) มะเร็งชนิดเซลล์ทรานซิชัน (Transitional Cell Carcinoma) มะเร็งเน็ท (Neuroendocrine Tumor: NET) และมะเร็งชนิดเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Sarcoma) ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่มักพบได้น้อยมาก การวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยแพทย์จะพูดคุยกับผู้ป่วยถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลือกการวินิจฉัยที่เหมาะสมและสบายใจที่สุด การตรวจเบื้องต้น (Screening Test) จะแนะนำให้ตรวจเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป หรืออาจเร็วกว่านั้นในรายที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดนี้สูง โดยอาจทำได้ด้วยการตรวจทางทวารหนัก และการเจาะเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็งในต่อมลูกหมาก ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้ แพทย์จะเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อนำมาวิเคราะห์หาสาร PSA ในกระแสเลือด ซึ่งระดับค่าของสารที่สูงกว่าปกติอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ การอักเสบ การขยายใหญ่ของต่อมลูกหมาก รวมถึงการเกิดมะเร็งได้ด้วย เนื่องจากต่อมลูกหมากนั้นอยู่ติดกับทวารหนัก แพทย์จึงสามารถสวมถุงมือแล้วสอดนิ้วเข้าไปในทวารหนักของคนไข้เพื่อตรวจดูว่าพื้นผิว รูปร่าง และขนาดของต่อมลูกหมากเกิดความผิดปกติใด ๆ หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การตรวจเบื้องต้นทั้งสองชนิดไม่อาจวินิจฉัยได้แน่ชัด และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้ ซึ่งหลังจากการวินิจฉัยเบื้องต้นด้วยการตรวจ PSA และ DRE แล้ว หากพบความผิดปกติใด ๆ แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหามะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ การอัลตราซาวด์ผ่านทางทวารหนักด้วยการใช้เครื่องมือสำหรับตรวจชิ้นเล็ก ๆ แหย่เข้าไปทางทวารหนัก แล้วใช้คลื่นเสียงช่วยในการถ่ายภาพของต่อมลูกหมาก ซึ่งเครื่องมือนี้ยังนำไปใช้ในการช่วยวินิจฉัยด้วยวิธีตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากได้ด้วย แพทย์จะเก็บชิ้นเนื้อตัวอย่างจากต่อมลูกหมากด้วยการใช้เข็มขนาดบางสอดเข้าไปตามทวารหนัก โดยมีอุปกรณ์อัลตราซาวน์ช่วยนำทางให้สามารถสอดเข็มผ่านผนังช่องทวารหนักแล้วเจาะไปยังต่อมลูกหมากเพื่อนำชิ้นเนื้อที่ได้ส่งวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการว่ามีเซลล์มะเร็งหรือไม่ หากวินิจฉัยพบเนื้อร้ายจากชิ้นเนื้อตัวอย่าง แพทย์จะวิเคราะห์ต่อไปว่าเซลล์มะเร็งดังกล่าวน่าจะแพร่กระจายไปมากน้อยเพียงใด แล้วดูระยะของมะเร็ง เพื่อพิจารณาถึงวิธีการรักษาอย่างเหมาะสมในขั้นต่อไป ส่วนในกรณีที่เซลล์มะเร็งมีโอกาสแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นของร่างกายได้สูง การตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ อาจนำมาใช้ร่วมด้วย เช่น ทั้งนี้ มะเร็งต่อมลูกหมากสามารถแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้ การตัดสินใจเลือกวิธีรักษาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความเร็วในการเจริญเติบโตของมะเร็ง การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และผลข้างเคียงของการรักษาด้วยวิธีนั้น ๆ ซึ่งจะรักษาหายขาดหรือทำได้เพียงประคองอาการก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค โดยวิธีรักษาที่แพทย์ใช้กันจะมีดังนี้ การตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมากตั้งแต่ระยะเริ่มแรกอาจไม่จำเป็นต้องรักษาโดยทันที แพทย์อาจเฝ้าระวังด้วยการให้ผู้ป่วยตรวจเลือด (PSA) ตรวจทางทวารหนัก (DRE) และอาจตรวจชิ้นเนื้อเพื่อดูการพัฒนาของเซลล์มะเร็ง หากพบมะเร็งมีการเจริญเติบโตขึ้นก็อาจใช้การรักษาวิธีอื่นต่อไป การเฝ้าระวังโรคอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการของมะเร็ง มะเร็งที่คาดว่าจะเติบโตช้าและอยู่ในบริเวณเล็ก ๆ ของต่อมลูกหมาก และยังอาจใช้ประคองอาการผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรงชนิดอื่นอยู่ด้วย หรือผู้ป่วยที่มีอายุมากแล้วที่การรักษาทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มีความเสี่ยงที่มะเร็งจะเติบโตและแพร่กระจายไปในระหว่างการเฝ้าระวัง อาจส่งผลให้โอกาสในการรักษาหายนั้นน้อยลงไป การผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นตัวเลือกในการรักษามะเร็งที่คาดว่าจะแพร่กระจายออกไปนอกต่อมลูกหมาก โดยวิธีหลักคือ การผ่าเอาต่อมลูกหมากทั้งหมดออกไป (Radical Prostatectomy) รวมถึงเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ และต่อมน้ำเหลืองบางส่วนออกด้วย การผ่าตัดอาจเสี่ยงต่อภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ทั้งนี้ผลข้างเคียงอื่น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของกระบวนการผ่าตัดที่เลือกใช้ อายุ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยด้วย การรักษาด้วยการใช้รังสีพลังงานสูงฆ่าเซลล์มะเร็งทำได้ 2 ทางคือ การฉายรังสีจากภายนอกร่างกายด้วยรังสีเอกซเรย์หรือรังสีโปรตอน ทำสัปดาห์ละ 5 วันเป็นเวลา 4–8 สัปดาห์ และการฉายรังสีจากภายในร่างกาย โดยนำเมล็ดรังสีขนาดเท่าเมล็ดข้าวใส่ลงในเนื้อเยื่อต่อมลูกหมาก ซึ่งเมล็ดเหล่านี้จะเปล่งรังสีออกมาเรื่อย ๆ เป็นเวลานานจนรังสีหมดไปเอง และไม่จำเป็นต้องนำออกจากร่างกาย วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษามะเร็งที่เกิดเฉพาะแห่งและมะเร็งที่เติบโตขึ้นในต่อมลูกหมาก และยังช่วยลดการลุกลามของมะเร็ง รวมถึงบรรเทาอาการต่าง ๆ ผลข้างเคียงของการทำรังสีบำบัดที่อาจเกิดขึ้นช่วงสั้น ๆ คือ อาการเจ็บหรือระคายเคืองที่ทวารหนัก ท้องเสีย เหนื่อยล้า กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะแล้วเจ็บ และขนที่อวัยวะเพศร่วง ส่วนผลข้างเคียงระยะยาวอาจทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ปัสสาวะขัด หรือมีปัญหาที่เกี่ยวกับการขับถ่ายทางทวารหนัก ได้แก่ ท้องเสีย มีเลือดออกหรือระคายเคืองที่ทวารหนัก การรักษาด้วยวิธีนี้มีโอกาส 1 ใน 3 ที่ผู้ป่วยจะกลับไปเผชิญกับมะเร็งต่อมลูกหมากอีกครั้ง แพทย์จะเลือกใช้การใช้ยาในการควบคุมมะเร็ง แต่จะไม่ใช้การผ่าตัด เนื่องจากการผ่าตัดนั้นมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนสูงในผู้ป่วยที่เคยได้รับรังสีบำบัดมาก่อน และหากการทำรังสีบำบัดล้มเหลวก็อาจเลือกใช้การรักษาด้วยการอัลตราซาวด์ความถี่สูง (HIFU) และการรักษาด้วยความเย็นจัด (Cryotherapy) ต่อไป การรักษาเพื่อยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนของร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะทำให้มะเร็งต่อมลูกหมากเติบโตขึ้น การยับยั้งฮอร์โมนนี้จึงเท่ากับเป็นการลดการพัฒนาของเซลล์มะเร็งหรือทำให้เซลล์ตาย การลดระดับฮอร์โมนนี้ในร่างกายอาจทำโดยใช้ยายับยั้งการผลิตเทสโทสเตอร์โรน ยาต้านการเข้าสู่เซลล์มะเร็งของเทสโทสเตอร์โรน หรือการผ่าตัดเอาลูกอัณฑะออกก็ได้ การรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดมักใช้กับผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากที่มะเร็งพัฒนาขึ้นมากแล้ว โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งหดตัวเล็กลงและเติบโตช้าลง รวมถึงผู้ป่วยระยะแรกก็อาจใช้วิธีนี้หดเซลล์มะเร็งให้เล็กลง ก่อนที่จะบำบัดด้วยรังสีต่อไป จะช่วยให้ได้ผลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ฮอร์โมนบำบัดยังอาจใช้หลังจากทำรังสีบำบัด เพื่อลดการเกิดเซลล์มะเร็งอีกครั้ง ผลข้างเคียงจากการรักษาชนิดนี้ ได้แก่ ความต้องการทางเพศลดลง หย่อนสมรรถภาพทางเพศ หน้าอกบวมและนิ่มลง ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก กระดูกพรุน น้ำหนักขึ้น การใช้ยาฆ่าเซลล์มะเร็งที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยฉีดเข้าเส้นเลือดดำที่แขนหรือรับประทานยาก็ได้ มักใช้กับมะเร็งต่อมลูกหมากที่แพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นของร่างกายและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัด การทำเคมีบำบัดไม่อาจช่วยรักษาให้หายได้ แต่จะควบคุมการเกิดมะเร็งและอาการที่เกิดขึ้น ผลข้างเคียงหลักของการทำเคมีบำบัดคือจะกระทบต่อเซลล์ปกติบริเวณรอบ เช่น เซลล์ภูมิคุ้มกัน และอาจเกิดการติดเชื้อ คลื่นไส้ อาเจียน แผลร้อนในในปาก อ่อนล้า ผมร่วง หรือไม่อยากอาหาร แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้อาจสามารถควบคุมได้บ้างด้วยการใช้ยาอื่น ๆ ป้องกัน การใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูงช่วยกำจัดก้อนมะเร็งที่อยู่เฉพาะที่ต่อมลูกหมากโดยตรง แต่จะไม่รุกล้ำร่างกายเช่นการผ่าตัดอื่น ๆ โดยแพทย์อาจพิจารณาการทำ HIFU ก่อนการรักษาอื่นหรือเมื่อการฉายแสงไม่ได้ผล HIFU มีข้อจำกัดที่รักษาได้เพียงมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มต้น และต้องตรวจด้วยเอ็มอาร์ไอ (MRI Scan) หรืออัลตราซาวด์แล้วพบความผิดปกติของเซลล์มะเร็ง ไม่อาจรักษามะเร็งในระยะแพร่กระจายและตรวจด้วยเอ็มอาร์ไอหรืออัลตราซาวด์ไม่พบได้ การรักษาด้วย HIFU นั้นก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำมาก แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการผิวไหม้ได้ สำหรับผลข้างเคียงอาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคน แต่ที่มักพบได้บ่อยก็เช่น ปัญหาในการปัสสาวะ และหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การรักษาด้วยการใช้ความเย็นจัดช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งด้วยการใช้เข็มเล็ก ๆ สอดเข้าไปในต่อมลูกหมากทางผนังทวารหนัก เข็มเหล่านี้บรรจุแก๊สเย็นจัดที่จะช่วยให้เนื้อเยื่อบริเวณรอบต่อมลูกหมากแข็งตัว จากนั้นทำอีกครั้ง แต่คราวนี้ใช้เข็มบรรจุแก๊สร้อนเพื่อให้เนื้อเยื่ออุ่นลง กระบวนการนี้จะช่วยให้เซลล์มะเร็งและเนื้อเยื่อบริเวณรอบตายลงได้ การรักษาด้วยความเย็นบางครั้งใช้กับมะเร็งที่ไม่แพร่กระจายไปเกินกว่าบริเวณต่อมลูกหมาก โดยอาจเป็นทางเลือกรองเมื่อการใช้รังสีบำบัดไม่ได้ผล ทั้งนี้ยังไม่สามารถยืนยันถึงผลการรักษาระยะยาว ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้คือภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ผลข้างเคียงอย่างปัญหาเกี่ยวกับทวารหนักหรือเป็นแผลทะลุเองก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่พบได้ไม่บ่อย นอกจากการรักษาข้างต้น ในต่างประเทศยังมีอีกวิธีคือ ชีวบำบัด เป็นการใช้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง โดยจะนำเอาเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยไปทำพันธุวิศวะกรรมในห้องปฏิบัติการให้สามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง จากนั้นจึงฉีดกลับเข้าสู่ร่างกายผ่านเส้นเลือดดำอีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการนำวิธีนี้มาใช้ในประเทศไทย โรคมะเร็งต่อมลูกหมากและการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ดังนี้ มะเร็งอาจเกิดการแพร่กระจายไปยังอวัยวะบริเวณใกล้ เช่น กระเพาะปัสสาวะ และอาจแพร่ผ่านทางกระแสเลือดหรือระบบต่อมน้ำเหลืองไปยังกระดูกและอวัยวะอื่น ๆ ทำให้มีอาการต่อไปนี้ได้ ทั้งนี้ ภาวะแทรกซ้อนจากการกระจายตัวของมะเร็งที่กระดูกสามารถบรรเทาด้วยยารับประทานกลุ่มบิสฟอสโฟเนต (Bisphosphonate) หรือยาฉีดดีโนซูแมบ (Denosumab) ภาวะนี้เป็นทั้งภาวะแทรกซ้อนจากโรคและผลข้างเคียงจากการรักษา เนื่องจากอยู่ติดกับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ การรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่จะขึ้นอยู่กับชนิดของอาการที่เป็น ความรุนแรง รวมถึงแนวโน้มในการหาย ทางเลือกในการรักษานั้นได้แก่ การใส่แผ่นซับปัสสาวะ การใช้ยา การสวนปัสสาวะ และการผ่าตัด การเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากและการรักษา เช่น การผ่าตัด การทำรังสีบำบัด และฮอร์โมนบำบัด อาจส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทที่ควบคุมการตอบสนองของอวัยวะเพศชาย เนื่องจากอยู่ใกล้ต่อมลูกหมากมาก โดยปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่เกิดขึ้นนี้อาจรักษาได้ด้วยการใช้ยา การใช้อุปกรณ์สูญญากาศที่ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัว และการผ่าตัด การปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากทำได้ดังนี้ความหมาย มะเร็งต่อมลูกหมาก
อาการของมะเร็งต่อมลูกหมาก
สาเหตุของมะเร็งต่อมลูกหมาก
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมาก
การเจาะเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็งในต่อมลูกหมาก (Prostate-specific Antigen: PSA)
การตรวจทางทวารหนัก (Digital Rectal Exam: DRE)
การตรวจอัลตราซาวด์
การตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก (TRUS)
การรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก
การเฝ้าระวังโรค (Active Surveillance)
การผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก
การฉายรังสีบำบัด
ฮอร์โมนบำบัด
การทำเคมีบำบัด
การทำ HIFU (High Intensity Focus Ultrasound)
การรักษาด้วยความเย็นจัด (Cryotherapy)
ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งต่อมลูกหมาก
มะเร็งแพร่กระจาย
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
การป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก