Illness name: กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข
Description: Restless Legs Syndrome หรือกลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข เป็นอาการที่ผู้ป่วยรู้สึกยุบยิบเหมือนมีบางสิ่งไต่ที่ต้นขา น่อง หรือเท้า ทำให้อยากขยับขาเพื่อขจัดความรู้สึกไม่สบายตัวออกไป อาการมักเกิดขึ้นขณะนั่งหรือนอนพัก และเกิดได้บ่อยในช่วงเวลากลางคืน หากอาการรุนแรงอาจรบกวนการนอนหลับและกระทบสุขภาพของผู้ป่วยในระยะยาว Restless Legs Syndrome เรียกอีกชื่อว่า Willis-Ekbom Disease สามารถพบได้ในทุกช่วงวัย แต่มีโอกาสเกิดกับคนที่อยู่ในวัยกลางคนและพบบ่อยในเพศหญิง การรักษา Restless Legs Syndrome ต้องอาศัยการดูแลตนเองและการปรับพฤติกรรม ควบคู่กับการใช้ยารักษาอย่างต่อเนื่อง อาการหลักของ Restless Legs Syndrome คือ ผู้ป่วยจะรู้สึกอยากขยับขาบ่อย ๆ เนื่องจากรู้สึกไม่สบายขา แต่จะแตกต่างจากตะคริวหรือเหน็บชา โดยอาการมักเกิดขึ้นเมื่อไม่ได้เคลื่อนไหวขาเป็นระยะเวลานาน เช่น ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงนัก อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ จึงอาจเข้าใจว่าเป็นอาการที่เกิดจากความเครียดหรือการพักผ่อนน้อย แต่หากมีอาการรุนแรงขึ้นอาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การนอนหลับ และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่า Restless Legs Syndrome อาจเกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีโดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมองที่มีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ จึงทำให้เกิดอาการขาอยู่ไม่สุขได้ นอกจากนี้ อาจเกิดจากสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงอื่นต่อไปนี้ โดยทั่วไปแล้วโรค Restless Legs Syndrome พบได้ทุกช่วงวัย แต่มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และพบได้มากในวัยกลางคน Restless Legs Syndrome ไม่มีวิธีวินิจฉัยที่เฉพาะเจาะจง แต่แพทย์จะประเมินจากการสอบถามอาการของผู้ป่วยว่าเข้าข่ายโรคกลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุขหรือไม่ โดยใช้เกณฑ์การประเมินดังนี้ ทั้งนี้ แพทย์อาจสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ยา อาหารเสริม และโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคโลหิตจาง โรคเบาหวาน โรคไต และความผิดปกติของระบบประสาท แล้วจึงตรวจร่างกายและตรวจระบบประสาทเพิ่มเติมด้วยวิธี ดังนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัวหรือภาวะผิดปกติของร่างกายอาจช่วยให้อาการของ Restless Legs Syndrome ดีขึ้น เช่น หากตรวจวัดระดับธาตุเหล็กในเลือดแล้วพบว่าผู้ป่วยมีโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามินซีสูง หรืออาหารเสริมเพื่อรักษาอาการ เป็นต้น แต่หากอาการของผู้ป่วยไม่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัว การรักษาด้วยการดูแลตนเองควบคู่กับการใช้ยา อาจช่วยให้อาการของ Restless Legs Syndrome ดีขึ้นได้ การปรับพฤติกรรมและดูแลตนเอง จะช่วยบรรเทาอาการ Restless Legs Syndrome ได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ การรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอาจช่วยให้อาการของโรคดีขึ้นได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการเลือกยาที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย และแพทย์อาจทดลองปรับยาโดยประเมินจากอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก ตัวอย่างยาที่แพทย์อาจนำมาใช้รักษา Restless Legs Syndrome เช่น กลุ่มยาที่ช่วยเพิ่มระดับโดพามีนในสมอง เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อระดับโดพามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมองและช่วยลดอาการสั่นบริเวณขา เช่น ยาโรพินิโรล (Ropinirole) ยาโรทีโกทีน (Rotigotine) และยาพรามิเพรกโซล (Pramipexole) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการในระดับปานกลางและรุนแรง ยากันชัก (Anticonvulsant) ยากันชักจะส่งผลต่อสารเคมีในสมองและช่วยให้อาการทุเลาลง เช่น ยากาบาเพนติน (Gabapentin) ยากาบาเพนติน อีนาคาร์บิล (Gabapentin Enacarbil) และยาพรีกาบาลิน (Pregabalin) ยาโอปิออยด์ (Opioids) ยาโอปิออยด์จะช่วยบรรเทาอาการปวดและความรู้สึกไม่สบายขา เช่น ยาโคเดอีน (Codeine) ยาทรามาดอล (Tramadol) ยาออกซิโคโดน (Oxycodone) และยาไฮโดรโคโดน (Hydrocodone) อย่างไรก็ตาม ยาโอปิออยด์เป็นยาที่ออกฤทธิ์รุนแรงและอาจทำให้ดื้อยา รวมทั้งไม่ควรใช้ยาเมื่อผู้ป่วยมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ยาคลายกล้ามเนื้อและยานอนหลับ แม้ยาคลายกล้ามเนื้อและยานอนหลับจะไม่ช่วยรักษาอาการบริเวณขาได้โดยตรง แต่เป็นกลุ่มยาที่จะช่วยให้ผู้ป่วยนอนหลับได้ดียิ่งขึ้นและจะใช้เฉพาะกรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น ยาโคลนาซีแพม (Clonazepam) ยาเอสโซพิโคลน (Eszopiclone) และยาเทมาซิแพม (Temazipam) เป็นต้น นอกจากนี้ ยากลุ่มนี้อาจทำให้รู้สึกง่วงนอนระหว่างวันได้ โดยทั่วไป Restless legs Syndrome มักไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ส่วนใหญ่มักพบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ โดยเฉพาะการตื่นกลางดึก หรือมีอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืน ทำให้นอนหลับไม่เต็มอิ่ม และรู้สึกอ่อนเพลียในวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและอดนอนเรื้อรังอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต โรคซึมเศร้า และอาจเสียชีวิตได้ เนื่องจาก Restless Legs Syndrome เป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด จึงไม่มีวิธีที่สามารถป้องกันโรคได้อย่างสิ้นเชิง หากผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เช่น โรคโลหิตจาง โรคเบาหวาน หรือกำลังตั้งครรภ์ ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานยา และพบแพทย์ตามการนัดหมายเพื่อรักษาอาการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ หากพบอาการผิดปกติใด ๆ หลังรับประทานยาที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการของโรค ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสมความหมาย กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Legs Syndrome)
อาการของ Restless Legs Syndrome
สาเหตุของ Restless Legs Syndrome
การวินิจฉัย Restless Legs Syndrome
การรักษา Restless Legs Syndrome
การดูแลตนเอง
การใช้ยา
ภาวะแทรกซ้อนของ Restless Legs Syndrome
การป้องกัน Restless Legs Syndrome