Illness name: โรคเพลแลกรา pellagra
Description: Pellagra หรือโรคเพลแลกรา คือโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin) และทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งทำให้เกิดอาการ 3 กลุ่ม ได้แก่ อาการทางผิวหนัง ระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ Pellagra เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยในปัจจุบัน เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ได้รับอาหารที่มีไนอะซินและทริปโตเฟนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่อาจพบในประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือปัจจัยบางอย่างที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมไนอะซินไปใช้ได้ ซึ่งการรักษาโรค Pellagra มักให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารเสริมวิตามินบี 3 ควบคู่กับการปรับอาหารให้ร่างกายได้รับไนอะซินเพียงพอ ผู้ป่วยโรค Pellagra ส่วนมากมักมีอาการผื่นผิวหนัง ปวดท้อง แต่หากไม่ได้รับการรักษา ในระยะหลังจะมีอาการความจำเสื่อม บางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละคน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มอาการ ได้แก่ ผู้ป่วยอาจมีอาการทางผิวหนังต่าง ๆ ดังนี้ อาการทางระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วย Pellagra อาจเริ่มจากอาการเบื่ออาหาร ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ไปจนถึงท้องเสียซึ่งจะเป็นเรื้อรัง โดยผู้ป่วยประมาณครึ่งหนึ่งจะถ่ายเหลวหรือถ่ายมีมูกเลือดปน หากผู้ป่วยโรค Pellagra ไม่ได้รับการรักษา ในระยะหลังอาจมีอาการทางประสาทต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะ เซื่องซึม ฉุนเฉียวง่าย ซึมเศร้า วิตกกังวล กระสับกระส่าย สับสน และความจำแย่ลง อาจนำไปสู่ภาวะความจำเสื่อมได้ ทั้งนี้ หากปล่อยให้ผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ โรค Pellagra เกิดจากการขาดวิตามินบี 3 หรือไนอะซิน ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย โดยช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยในการทำงานของระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร และผิวหนัง หากได้รับไนอะซินไม่เพียงพอจะทำให้เกิดโรค Pellagra ได้ ซึ่งสาเหตุของการขาดไนอะซินแบ่งเป็น 2 สาเหตุหลัก ดังนี้ ร่างกายได้รับไนอะซินส่วนหนึ่งจากอาหารต่าง ๆ เช่น ไข่ นม เนื้อสัตว์ ถั่วและธัญพืช และอีกส่วนหนึ่งได้จากการสังเคราะห์ขึ้นจากกรดอะมิโนทริปโตเฟน (Tryptophan) การรับประทานอาหารที่มีปริมาณไนอะซินต่ำจึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายได้รับไนอะซินไม่เพียงพอ และทำให้เกิดโรค Pellagra ขึ้น ร่างกายของผู้ป่วยบางคนไม่สามารถดูดซึมไนอะซินได้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้ Pellagra เป็นโรคที่มีอาการหลากหลายจึงอาจวินิจฉัยได้ยาก ซึ่งแพทย์อาจสอบถามอาการและอาหารที่ผู้ป่วยรับประทาน จากนั้นจึงตรวจอาการทางผิวหนัง ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาท ในบางกรณีแพทย์อาจใช้วิธีการตรวจอื่นเพื่อตรวจปริมาณไนอะซินในร่างกาย เช่น ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด และตัดชิ้นเนื้อจากผิวหนัง (Skin Biopsy) ส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งอาจช่วยในการตัดโรคที่ไม่เกี่ยวข้องออก และใช้ประเมินอาการของผู้ป่วยหลังได้รับอาหารเสริมไนอะซิน การรักษาโรค Pellagra มีเป้าหมายในการเพิ่มปริมาณไนอะซินในร่างกายของผู้ป่วยให้อยู่ในระดับปกติ โดยให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนอาหารที่รับประทาน ควบคู่กับการรับประทานอาหารเสริมไนอะซินหรือนิโคทินาไมด์ (Nicotinamide) ซึ่งเป็นไนอะซินรูปแบบหนึ่ง และผู้ป่วยบางรายอาจต้องฉีดไนอะซินเข้าทางหลอดเลือดดำ ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานนิโคทินาไมด์อย่างน้อย 300 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานและรับประทานติดต่อกัน 3–4 สัปดาห์ กรณีที่ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว แพทย์จะให้รักษาโรคที่เป็นปัจจัยของโรค Pellagra ควบคู่ไปด้วย เพื่อทำให้อาการโดยรวมของผู้ป่่วยดีขึ้นไปพร้อมกัน หากได้รับการรักษาเร็วตั้งแต่เริ่มเป็น อาการท้องเสียและเยื่อบุผิวหนังอักเสบมักดีขึ้นได้ภายในไม่กี่วันหลังเริ่มรักษา สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการทางผิวหนัง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาทาผิวเพื่อรักษาโรคและเพิ่มความชุ่มชื้น ซึ่งอาการทางผิวหนังจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในระยะเวลา 2–3 เดือน โดยในระหว่างการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ผู้ป่วยควรดูแลผิวให้ชุ่มชื้นและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันผิวแห้งแตกและผิวไหม้แดด โรค Pellagra อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายประการ ได้แก่ ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) และภาวะผอมหนังหุ้มกระดูก (Cachexia) การติดเชื้อที่ผิวหนัง ไปจนถึงอาการทางประสาท เช่น หลงผิด (Delusion) ประสาทหลอน โรคจิต (Psychosis) และอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลวซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ โรค Pellagra สามารถป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีไนอะซินเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค Pellagra โดยข้อมูลสารอาหารที่แนะนําให้บริโภคประจําวันของผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไประบุว่า ควรได้รับไนอะซิน 20 มิลลิกรัม เอ็น อี (mg NE) ต่อวัน ซึ่งไนอะซิน 1 มิลลิกรัม เท่ากับทริปโตเฟน 60 มิลลิกรัม โดยทั่วไปการรับประทานอาหารที่มีไนอะซินสูง โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว ทูน่า แซลมอน และตับ รวมทั้งถั่ว ธัญพืชขัดสีน้อย ข้าวกล้อง เห็ด และอโวคาโด จะช่วยให้ร่างกายได้รับไนอะซินอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และอาจไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมไนอะซิน นอกจากกรณีที่แพทย์สั่ง ซึ่งควรรับประทานในปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงจากอาหารเสริมความหมาย โรคเพลแลกรา (Pellagra)
อาการของ Pellagra
อาการทางผิวหนัง
อาการทางระบบทางเดินอาหาร
อาการทางประสาท
สาเหตุของ Pellagra
การรับประทานอาหารที่มีไนอะซินไม่เพียงพอ
โรคและความผิดปกติของร่างกาย
การวินิจฉัย Pellagra
การรักษา Pellagra
ภาวะแทรกซ้อนของโรค Pellagra
การป้องกันโรค Pellagra